ข้อคิดข่าวทั่วไปข่าวบันเทิงความรู้ความรู้ทั่วไปความเชื่อ

รู้ไว้เป็นมงคลแก่ตัวเอง สิริมงคล คุ้มครอง 8 ประการ ที่เทวดารักษาและคุ้มครอง

สิริมงคลคุ้มครอง มี 8 ประการ ท่านว่าถ้าผู้ใดรักษาสิริหรือสิริมงคล 8 ประการได้ เทวดาจะมารักษาและคุ้มครองท่านผู้นั้น เป็นสิริมงคลแก่ตนเอง คำว่า สิริตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานให้ความหมายไว้ 2 ประการ คือ?

1. สิริ แปลว่า รวมกัน เช่น เรามักได้ยินคำว่า สิริรวมอายุได้เท่านั้นเท่านี้ หมายความว่ารวมอายุทั้งหมดได้เท่านั้นเท่านี้ปี

2. สิริ แปลว่า ศรี, มิ่งขวัญ, มงคล, ความดี, ความงาม ในหนังสือศัพท์วิเคราะห์ ซึ่งเขียนโดย พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช ป.ธ.9, ราชบัณฑิต) ได้ให้ความหมายว่า สิริ คือสิ่งอันผู้ทำความดีไว้ได้ซ่องเสพ, สิ่งที่อาศัยอยู่ในบุคคลผู้ทำความดีใว้

ถ้าจะอธิบายให้ชัดตามความหมายนี้ สิริ ก็คือสิ่งที่เกิดขึ้น หรือมีอยู่ในตัวบุคคลผู้ทำความดี และเมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้นหรือมีอยู่ในตัวผู้ใดแล้วก็จะทำให้ผู้นั้นเกิดความสุข ความเจริญรุ่งเรือง ความดีงามต่างๆ ซึ่งอาจจะตรงหรือใกล้กับคำว่า โชควาสนา

ตามหลักโหราศาสตร์เชื่อว่า สิริมีอยู่ในตัวของคนทุกคน หากแต่ว่าใครจะรู้จักรักษาสิริให้อยู่กับตนเองได้ดีหรือทำลายสิริของตนเองเสีย หลักเกณฑ์หรือข้อปฏิบัติในการรักษาสิรินั้นท่านแบ่งไว้ 8 ประการ และกล่าวไว้อีกว่า หากผู้ใดปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ทั้ง 8 ประการนี้ได้ เทวดาฝ่ายดีจะเข้ารักษาและอำนวยอวยพรให้ผู้นั้นมีความสุขความเจริญ บังเกิดโชคลาภอยู่เสมอ แต่ถ้าหากผู้ใดรักษาไม่ได้ เทวดาที่เป็นกาลกิณีก็จะเข้าอยู่ให้โทษ ให้อาภัพอับโชค เสื่อมถอยคุณงามความดี

ข้อปฏิบัติทั้ง 8 ประการนี้ ได้แก่

1. ให้เว้นการเสพกาม (มีเพศสัมพันธ์)

ในวันที่ตรงกับวันพระและก่อนถึงวันพระ 1 วัน ได้แก่วัน 7 ค่ำ 8 ค่ำ 14 ค่ำ 15 ค่ำ ทั้งข้างขึ้นและข้างแรม (และวันแรม 13 ค่ำ เฉพาะในเดือนคี่) รวมถึงวันตรุษสงกรานต์ วันสุริยคราส จันทรคราส วันเข้าพรรษา และวันเกิดของตน

การที่ท่านห้ามเสพกามวันพระและวันเข้าพรรษานั้น เพราะวันดังกล่าว เป็นวันที่พระพุทธเจ้ากำหนดให้เป็นวันฟังธรรม ที่เรียกว่า วันธัมมัสสวนะ (อ่านว่า ทำ-มัด-สะ-วะ-นะ) เป็นวันที่เทวดาและมนุษย์ต้องขวนขวายทำความดีชำระกิเลส ชาวพุทธส่วนใหญ่จะถือศีล 8 และสวดมนต์ภาวนา เพื่ออบรมตนให้ไกลกิเลส ใกล้นิพพานยิ่งขึ้น วันตรุษสงการณ์ ถือเป็นวันขึ้นปีใหม่ไทย เป็นวันที่เหมาะสำหรับทำบุญตอนรับสิ่งดีๆ ดังนั้นจึงไม่ควรเสพกาม วันสุริยคราส จันทรคราส ถือว่าเป็นวันอัปมงคล หากเสพกามในวันนี้จะทำให้วิญญาณของภูต ผี ปีศาจ เปรต อสุรกาย มาจุติในท้องได้ ส่วนวันเกิดของตน เป็นวันที่ต้องทำบุญตอบแทนพระคุณแม่ เพราะวันที่เราลืมตาดูโลกนั้นเป็นวันที่แม่เจ็บปวดทรมานที่สุด ดังคำที่ว่า วันเกิดลูกคือวันคล้ายวันแม่ ดังนั้น เมื่อถึงวันเกิดของตนเมื่อใดควรที่จะไปกราบเท้าแม่ ทำให้ท่านมีความสุขเพื่อเป็นการตอบแทนพระคุณท่าน

2. เมื่อจะบริโภคอาหารให้บ่ายหน้าไปสู่ทิศบูรพา (ทิศตะวันออก)

ถ้าทำได้ดังนี้ เทวดาจะรักใคร่และให้ศีลให้พร ข้อนี้เป็นปริศนาธรรม คนโบราณวางไว้ให้คิด คำว่าทิศบูรพานี้นอกจากแปลว่าทิศตะวันออกแล้ว ยังแปลว่าทิศเบื้องหน้าด้วย ซึ่งทิศเบื้องหน้านี้ท่านหมายถึงบิดามารดาของเรา กล่าวคือ เมื่อเราได้สิ่งใดที่อร่อยมา ท่านให้นึกถึงบิดามารดาเป็นอันดับแรก ต้องให้มารดาบิดากินก่อน พ่อแม่เป็นพระอรหันต์ของลูก การที่ให้ข้าวให้น้ำแก่พอแม่จึงเป็นสิริมงคลสูงสุดแก่ชีวิต เทวดาทั้งหลายตลอดถึงพระพุทธเจ้าก็ทรงสรรเสริญ

อนึ่ง ทิศเบื้องหน้านี้ยังหมายถึง การมองหาคนอื่นที่พอจะแบ่งปันอาหารที่เรามีอยู่นี้แก่เขาบ้าง เป็นการแสดงออกถึงความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ละความเห็นแก่ตัวให้น้อยลง นึกถึงตามบ้านนอกเวลาทานข้าวอยู่ หากมีใครเดินผ่านมาก็จะเชื้อเชิญให้มารับประทานด้วยกัน ซึ่งมีส่วนช่วยให้คนในสังคมอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข

3. เมื่อถ่ายอุจจาระให้บ่ายหน้าไปทางทิศปัจฉิม

ทำได้อย่างนี้เทวดาจะรักใคร่และอวยพรให้ ข้อนี้อธิบายได้ว่า อุจจาระนั้นหมายถึงสิ่งที่ไม่ดี เรื่องที่ทำให้เกิดความทุกข์ ความเสียใจ ตลอดถึงกิเลสตัณหาต่างๆ สิ่งเหล่านี้ท่านบอกว่าถ้าทิ้งได้ให้ทิ้งซะ เพราะเก็บไว้นอกจากจะไม่เป็นประโยชน์แล้วยังสร้างโทษให้เก็บตัวเองอีกด้วย เปรียบเหมือนกับอุจจาระที่เก็บไว้ก็มีแต่จะเป็นทุกข์ ให้บ่างหน้าไปทางทิศปัจฉิม ปัจฉิมในภาษาพระได้แก่ทิศเบื้องหลัง คือทิ้งแล้วให้หันหลังกลับ ไม่ต้องกลับไปมอง ทิ้งไว้ข้างหลัง เหมือนกับอุจจาระทิ้งแล้วก็ไม่เสียดาย ทุกข์ก็เช่นกันทิ้งแล้วอย่าเสียดาย

4. ชายหญิงที่นอนด้วยกัน

ต้องให้ผู้หญิงนอนข้างซ้าย ผู้ชายนอนข้างขวา และฝ่ายหญิงห้ามเดินข้ามเท้าฝ่ายชาย ถ้าปฏิบัติได้ดังนี้ เทวดาจะรักษาและอำนวยอวยพรให้ สิริข้อนี้เป็นปริศนาธรรมสอนการใช้ชีวิตคู่ร่วมกันระหว่างชายหญิงว่าทำอย่างไรจึงจะเป็นสิริมงคล คือมีความดีงาม มีความสุข มีความอบอุ่น และเจริญรุ่งเรือง การนอนร่วมกัน หมายถึงการตกลงปลงใจเป็นสามีภรรยากัน การให้รู้จักฐานะและหน้าที่ของแต่ละคน สามีนอนข้างขวา หมายถึงเป็นผู้ที่รับภาระหนักทุกอย่างในฐานะเป็นหัวหน้าครอบครัว ส่วนผู้หญิงให้นอนข้างซ้าย หมายถึงให้ช่วยประคับประคองสามี คอยช่วยเหลือเกื้อกูลในยามที่สามีต้องรับภาระหนัก เหมือนกับการยกของถ้าใช้มือขวายกไม่ไหวก็ใช้มือซ้ายเข้าช่วย

การที่ไม่ให้ฝ่ายหญิงเดิมข้ามเท้าฝ่ายชาย ก็หมายความว่าให้ภรรยามีความเคารพต่อสามีในฐานะเป็นผู้หาเลี้ยงครอบครัว ไม่ก้าวล้ำเส้นคิดจะเป็นหัวหน้าครอบครัวเอง บางคู่ภรรยาถือทิฐิคิดว่าตัวเองเก่งกว่าเหนือกว่าจึงดูถูก ข่มเหง ดุด่าสามีสารพัด ทำให้ครอบครัวนั้นขาดความงาม ไม่เจริญ หาความสุขไม่มี สังคมดูแคลน

5. ชายหญิงที่อยู่ด้วยกัน

ท่านห้ามมิให้ใช้ผ้านุ่งร่วมกัน และให้แยกว่าชุดไหนเป็นชุดสำหรับใส่กลางคืน ชุดไหนเป็นชุดสำหรับใส่กลางวัน ถ้าใช้ผ้านุ่งร่วมกันหรือเอาชุดกลางคืนมาใส่กลางวัน เอาชุดกลางวันไปใส่กลางคืน ท่านว่าจะเสียศรีดูไม่เหมาะ เทวดารังเกียจและไม่อำนวยอวยพร

คำว่าผ้านุ่งในที่นี้ท่านหมายถึงเรื่องภายในครอบครัว ผ้านุ่งกลางวันหมายถึงเรื่องที่ดีที่เกิดขึ้นภายในครอบครัว ที่ควรนำมาเปิดเผยให้ผู้คนได้รับรู้ เหมือนเสื้อผ้าที่สวยงามควรนุ่งอวดให้คนเห็น ส่วนผ้านุ่งในเวลากลางคืนหมายถึงเรื่องที่ไม่ดี เรื่องเสียหาย เรื่องไม่งามภายในครอบครัวไม่ควรนำมาเปิดเผย เหมือนชุดนอนไม่ควรนุ่งมาอวดในที่สาธารณะ หรือตามห้างสรรพสินค้า สามีภรรยาที่อยู่ร่วมกันแล้ว ต้องรู้จักแยกแยะว่าเรื่องส่วนตัวหรือเรื่องในครอบครัว เรื่องไหนที่ควรเปิดเผยเรื่องไหนไม่ดีควรปกปิด โดยเฉพาะเรื่องไม่ดีของคู่ครองที่นำมาเปิดเผยแล้วทำให้เขาเสียหายหรืออับอาย แต่ถ้าเป็นเรื่องดี เรื่องที่น่าภูมิใจก็นำมาเปิดเผยได้ ถ้าทำได้ดังนี้ สิริ คือความสุข ความร่มเย็น ความเป็นมงคลก็จะเกิดขึ้นในครอบครัว

6. เวลาหลังตื่นนอนก่อนออกจากบ้านให้เอาน้ำล้างหน้า

ตกแต่งใบหน้าให้ดูดีสวยงามจึงจะเป็นมงคลแก่ชีวิต เทวดาก็จะตามรักษาและอำนวยอวยพรให้โชคดีตลอดวัน คนโบราณเชื่อว่าราศีหรือสิ่งที่จะทำให้เราเกิดความโชคดีนั้นอยู่ที่ใบหน้า ดังนั้นท่านจึงให้ล้างหน้า ทำความสะอาดและตกแต่งใบหน้าให้ดูดีเสมอก่อนออกจากบ้าน ความจริงแล้วข้อนี้ท่านไม่ได้หมายถึงเฉพาะการแต่งหน้าแต่งตาให้ดูสวยดูดีเท่านั้น แต่ยังหมายถึงการทำใบหน้าให้เบิกบานแจ่มใส มีรอยยิ้ม ไม่บูดบึ้ง และอารมณ์ดีอีกด้วย เพราะเพียงการแต่งหน้าให้สวยงามแต่ใบหน้าบึ้งตึง คงไม่ช่วยให้ราศีดีขึ้นสักเท่าไร กลับกันถ้าใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส อารมณ์ดีเบิกบาน ถึงไม่แต่งหน้าทาปากก็ยังดูดีมีเสน่ห์มาก

7. เวลาเที่ยง ให้เอาน้ำพรมที่หน้าอกตรงหัวใจ

ทำอย่างนี้จะเกิดสิริมงคลแก่ตน เพราะคนโบราณเวลาเที่ยงราศีจะย้ายจากใบหน้ามาอยู่ที่อก หากเอาน้ำมาพรมที่อกก็จะทำให้รู้สึกสดชื่น มีโชคลาภ การงานเจริญ ความเป็นจริงเวลาเที่ยงวันเป็นเวลาที่อากาศร้อนจัด เหงื่อไหลไคลย้อยเนื้อตัวเหนียวเหนอะหนะ ทำให้อารมณ์เสียและหงุดหงิดง่าย และจะพลอยทำให้การงานที่ทำอยู่เสียหาย ท่านให้เอาน้ำลูบอกเพื่อดับความร้อนในร่างกาย ช่วยทำให้จิดใจเย็นลง แต่สำหรับบางท่านสถานที่ไม่เอื้ออำนวยหรือไม่สะดวกที่จะนำน้ำมาลูบอกก็ไม่เป็นไร เพราะอันที่จริงในข้อนี้ท่านต้องการให้ใช้หลักความใจเย็น คือทำอะไรให้ใจเย็นๆ อย่าผลีผลามวู่วาม เพราะถ้าใจร้อนบวกกับอากาศที่ร้อนก็จะก่อให้เกิดการทะเลาะเบาะแว้งได้ง่าย

8. เวลาเย็น ให้เอาน้ำล้างเท้าก่อนเข้านอน

เพราะโบราณท่านเชื่อว่าตอนเย็นราศีของคนอยู่ที่หัวแม่เท้าและใจกลางเท้า ถ้าได้ล้างเท้าก่อนเข้านอนก็จะทำให้นอนหลับฝันดี เทวดาก็คุ้มครองอวยพรให้โชคให้ลาภและป้องกันอันตรายไม่ให้เกิดขึ้นอีกด้วย

ความจริงในข้อนี้ท่านหมายถึงว่า เมื่อถึงเวลาเข้านอนแล้วให้ปล่อยวางธุระทั้งหมดทิ้งเสีย ให้เข้านอนพักผ่อนให้เต็มที่ เก็บกำลังชาร์ตแบตเตอรี่ใหม่ เตรียมพร้อมสู้งานต่อในวันถัดไป เมื่อทำได้อย่างนี้ก็จะทำให้มีกำลังต่อสู้กับงานต่อไปได้อีกนาน การดูแลสุขภาพ การพักผ่อนให้เพียงพอ มีความสำคัญมากพอๆกับการทำงานหาเงิน เพราะหากมีเงินมากๆแล้วจะมีประโยชน์อะไร ถ้าต้องเอาเงินที่หาได้มาเป็นค่ารักษาตังเอง ดังนั้น ท่านจึงให้ปล่อยวางธุระทั้งหมดเสียและพักผ่อนนอนหลับให้เต็มที่เมื่อถึงเวลาต้องพักผ่อน

ดังนั้น สิริมงคล ทั้ง 8 ประการนี้ เป็นข้อปฏิบัติที่คนรุ่นปู่ย่าตา ยายได้บัญญัติไว้ ซึ่งหากใครปฏิบัติตามได้ก็จะเกิดความสุขความเจริญอย่างยิ่ง แต่การจะให้มีความสุขความเจริญได้อย่างบริบูรณ์ ต้องรู้จักประยุกต์ใช้ให้ถูกต้อง และเชื่อว่าหากท่านได้ปฏิบัติตามวิธีการรักษาสิริทั้ง 8 ข้อที่ได้แนะนำไว้ ความเป็นสิริ ความเป็นมงคล ความสุขความเจริญจะบังเกิดแก่ท่านอย่างแน่นอน

ใส่ความเห็น