เข้าใจผิดมาทั้งชีวิต! ผู้เชี่ยวชาญเผย 14 สิ่งที่เกิดขึ้นกับร่างกาย เมื่อคุณดื่มกาแฟเป็นประจำ
สำหรับใครที่ชอบดื่มกาแฟเป็นประจำทุกวัน ไม่ควรพลาดกับหัวข้อของเราในวันนี้ “14 สิ่งที่เกิดขึ้นกับร่างกาย เมื่อคุณดื่มกาแฟเป็นประจำ”
1. ประโยชน์ของกาแฟช่วยลดอัตราเสี่ยงการเป็นโรคหัวใจถึง 26% โดยเฉพาะในเพศหญิงซึ่งมีการวิจัยพบว่าคนที่ดื่มกาแฟวันละไม่เกิน 5 แก้ว มีส่วนช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจมากขึ้น เนื่องจากสารนิโคติน (ไม่ใช่ชนิดที่อยู่ในบุหรี่ แต่เป็นวิตามินบีรวม) ในกาแฟจะไปช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือด ทำให้หลอดเลือดไม่แข็งตัว และเกิดภาวะไขมันในเลือดลดลง
2. กาแฟช่วยลดโอกาสเป็นโรคเบาหวานน้อยลง 60% มีงานวิจัยตีพิมพ์ในวารสารโภชนาการทางการแพทย์ของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดระบุว่า คนที่ดื่มกาแฟวันละ 4 แก้ว จะมีความเสี่ยงโรคเบาหวานต่ำกว่าคนที่ไม่ดื่ม คาดว่าเพราะกาแฟมีสารต้านอนุมูลอิสระชนิดเดียวกับในองุ่น และยังมีสูงกว่าในบลูเบอร์รีอีกด้วย
3. กาแฟช่วยชะลอความจำเสื่อมและโรคอัลไซเมอร์ได้ 65% ในการศึกษาของประเทศฟินแลนด์ให้คนวัยกลางคนดื่มกาแฟวันละ 5 แก้ว พบว่าลดอัตราเสี่ยงของโรคอัลไซเมอร์ สอดคล้องกับการวิจัยในอเมริกาเหนือกล่าวว่า การดื่มกาแฟ 2 แก้วต่อวัน จะช่วยพัฒนาความจำ เพิ่มความจำระยะสั้น มีความจำดีว่าคนไม่ดื่มกาแฟ กระตุ้นสมองให้ทำงานได้เร็วขึ้น
4. กาแฟช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะและปวดไมเกรน รวมถึงอาการปวดศีรษะเพราะดื่มเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ เนื่องจากกาแฟมีกาเฟอีนที่มีฤทธิ์ช่วยขยายหลอดเลือด เพิ่มการไหลเวียนของเลือดได้ดี และมีคุณสมบัติช่วยระงับความเจ็บปวด ประโยชน์ของกาแฟข้อนี้ คนเป็นไมเกรนต้องห้ามพลาด
5. ประโยชน์ของกาแฟช่วยป้องกันโรคมะเร็งได้ถึง 50% จากการศึกษาในประเทศญี่ปุ่นพบว่าผู้หญิงที่ดื่มกาแฟวันละ 3 แก้วต่อวัน มีแนวโน้มการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ลดลง และผู้ชายที่ดื่มวันละ 6 แก้วต่อวัน มีความเสี่ยงเกิดโรคมะเร็งต่อมลูกหมากน้อยกว่าคนไม่ดื่มกาแฟ ทั้งนี้ในกาแฟมีกรดอะซิติกซึ่งจะช่วยยับยั้งและทำลายเซลล์ผิดปกติ กำจัดสารพิษภายในร่างกาย จึงทำให้ป้องกันโรคมะเร็งที่มีอาการในระยะแรกได้หลายชนิด
6. ประโยชน์ของกาแฟช่วยลดโอกาสเกิดโรคนิ่วในถุงน้ำดี 50% ซึ่งมีข้อมูลระบุว่าคนที่ดื่มกาแฟประมาณ 4 แก้วต่อวันหรือมากกว่า จะมีอัตราการเป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดีน้อยลง และยังเคยมีการวิจัยของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด โดยการให้ผู้หญิงดื่มกาแฟวันละ 4 แก้ว พบว่าการเกิดโรคนิ่วในถุงน้ำดีลดลง 25% โดยก่อนหน้านี้ก็มีผลการวิจัยในผู้ชายที่ดื่มกาแฟประจำ ผลปรากฏว่าอัตราการเกิดโรคลดลงเช่นเดียวกัน
7. กาแฟช่วยป้องกันและบรรเทาการเกิดโรคหอบหืด การดื่มกาแฟเป็นประจำช่วยแก้ได้เนื่องจากสารกาเฟอีนในกาแฟมีฤทธิ์ช่วยระงับความเครียดของประสาทสัมผัสสำรอง ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการทำให้เกิดอาการหอบหืด หากเมื่อใดที่ประสาทสัมผัสสำรองถูกกระตุ้น โรคหอบหืดก็จะกำเริบ คนเป็นหอบหืดรีบพิสูจน์ประโยชน์ของกาแฟข้อนี้ด่วนๆ
8. กาแฟช่วยทำให้อารมณ์แจ่มใส คลายความเครียดได้ถึง 15-20% มีผลการวิจัยที่ยืนยันว่าการดื่มกาแฟ 2-3 แก้วต่อวัน ลดความเครียดได้ 15% และถ้าดื่มมากกว่าวันละ 4 แก้ว ความเครียดจะลดลงถึง 20% เพราะปริมาณกาเฟอีนที่เหมาะสมจะสามารถทำให้หายจากอารมณ์หงุดหงิดและซึมเศร้า รู้สึกผ่อนคลายจากความกังวลได้
9. กาแฟมีประโยชน์ในการช่วยสลายไขมัน ทราบหรือเปล่าว่าการดื่มกาแฟหลังมื้ออาหารจะทำให้ไขมันในอาหารที่เรากินเข้าไปเกิดการแตกตัวและให้พลังงานทดแทน ซึ่งเป็นผลมาจากสารกาเฟอีนนั่นเอง และยังมีการวิจัยหลายชิ้นที่ได้ผลว่ากาเฟอีนมีส่วนทำให้ลดน้ำหนักได้ เพราะจะช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบเมตาบอลิซึม
10. ประโยชน์ของกาแฟทำให้ความสามารถในการเล่นกีฬาดีขึ้น เพราะกาเฟอีนสารสำคัญที่มีในกาแฟจะช่วยบรรเทาอาการปวดได้ 40% และยังลดอาการล้าของกล้ามเนื้อในกลุ่มนักกีฬาหรือหลังการออกกำลังกายได้ถึง 50%
11. กาแฟมีส่วนลดการเกิดโรคพาร์กินสัน 25% ซึ่งสอดคล้องกับการวิจัยของศูนย์การแพทย์ในนครฮอนโนลูลู ประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่าคนที่ดื่มกาแฟเป็นประจำมีโอกาสป่วยเป็นโรคพาร์กินสันน้อยกว่าคนที่ไม่ดื่ม
12. กาแฟช่วยลดอัตราเสี่ยงของโรคเกาต์ได้ 60% มีผลการวิจัยแนะนำให้คนที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไปดื่มกาแฟเป็นประจำวันละ 3-6 แก้ว เพราะกาเฟอีนมีส่วนช่วยลดอาการอักเสบของข้อที่มีสาเหตุจากกรดยูริกเกินขนาด
13. ประโยชน์ของกาแฟช่วยชะลอความชรา ไม่ให้แก่ก่อนวัย เพราะกาแฟมีสารต้านอนุมูลอิสระสูงซึ่งมีสรรพคุณช่วยให้เซลล์ผิวหนังแข็งแรง ป้องกันริ้วรอยเหี่ยวย่น สามารถช่วยฟื้นฟูผิวจากการถูกแสงแดดทำร้าย กระชับรูขุมขนและขับสารพิษที่สะสมอยู่ใต้ผิวหนังได้อย่างมีประสิทธิภาพ
14. กาแฟทำให้ร่างกายตื่นตัวและไม่รู้สึกง่วง เป็นที่ทราบกันดีว่ากาเฟอีนมีฤทธิ์กระตุ้นประสาทส่วนกลาง ดังนั้นเมื่อได้ดื่มกาแฟจึงทำให้ร่างกายที่อ่อนล้ากลับมาสดชื่น หายอ่อนเพลีย และทำให้ตาแข็ง ซึ่งมีการทดลองกับการซ้อมกีฬาพบว่านักกีฬาสามารถจะฝึกซ้อมได้นานขึ้นแต่ไม่เกิน 1 ชั่วโมง เพราะความตื่นตัวนี้จะมีระยะเวลาเพียงสั้นๆ เท่านั้น