ดังไกลไปทั่วโลก ! ป่าช้าเหงา หรือ หนานเฉาเหว่ย สุดยอดสมุนไพรรักษาสารพัดโรค
สวัสดีครับ วันนี้มีความรู้เกี่ยวกับ สมุนไพรไทยพื้นบ้าน มาแนะนำให้รู้จักกันครับ ซึ่งหลายต่อหลายคน คงเคยได้ยินกันมาบ้างแล้วอย่างแน่นอนครับ นั่นคือ สมุนไพรไทย ที่มีชื่อว่า ต้นป่าช้าเหงา
สำหรับสมุรไพรพื้นบ้าน “ต้นป่าช้าเหงา” ที่คุณ “เมย์วิสาข์” ได้นำข้อมูลมาเรียบเรียงให้ฟังอย่างน่าสนใจดังนี้ ชื่ออื่นๆ ได้แก่ หนานเฉาเหว่ย, หนานเฟยเฉา, หนานเฟยซู่, ป่าเฮ่วหมอง, บิสมิลลาฮ เป็นต้น
โดย ต้นป่าช้าเหงา ต้นที่มีชื่อแปลก ๆ แต่เป็นต้นไม้ที่เด่นดังโดยไม่ตั้งใจ แม้ว่าชื่อผมจะฟังไม่ไพเราะ แต่ก็มีความหมายเป็นมงคลกับคนที่ยังไม่ตาย ชื่อวนเวียนแถวๆ ป่าช้า เพราะคำว่า ป่าช้าเหงา ก็หมายถึงไม่มีคนตายเข้าป่าช้า คำว่า “ป่าเฮ่ว” ก็เป็นภาษาล้านนา และไทใหญ่ แปลว่า ป่าช้าเช่นกัน และสำหรับคนจีนจะรู้จักผมในชื่อ หนานเฉาเหว่ย เป็นอย่างดี สำหรับ 3 จังหวัดภาคใต้ก็เรียกว่า บิสมิลลาฮ
ชาวโลกรู้จักตั้งแต่ แอฟริกา ที่เค้าใช้กินเป็นผักและใช้รักษาโรคมาเลเรีย, ที่อเมริกาก็ขายเป็นยาเพิ่มภูมิคุ้มกัน เกี่ยวกับมะเร็งเต้านม เบาหวาน และต่อมลูกหมาก รวมทั้งควบคุมน้ำตาล ที่พม่าและมาเลเซียก็รู้จัก แต่ดังจากเมืองจีนก่อนจะมาดังในเมืองไทยไม่นาน แม้ว่าก่อนหน้านี้มีแต่พ่อหมอไทใหญ่เขาใช้แก้โหลง คือ ยาแก้พิษ สำหรับชาวกะเหรี่ยงจะใช้เป็นยาแก้หวัด และเรียกยาแก้ขม ทั้งๆ ที่ใบขมมากๆ ส่วนตำหรับยาล้านนาใช้รักษาโรคเรื้อรังที่เรียกว่า โรคสาน คือโรคที่มีก้อนเนื้อผิดปกติรวมทั้งฝีต่างๆ และโรคขาง คือแผลเปื่อยเรื้อรังตามอวัยวะต่างๆ
ภูมิใจและเป็นเกียรติมากที่สุด คือ ถูกจัดเป็นสมุนไพรที่ได้รับความนิยมมาก เพราะตั้งแต่ปี 2547 ที่ทางโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จัดทำโครงการ “ชลอวัยไกลโรค” ได้สืบหาสมุนไพรสำหรับผู้สูงอายุ ก็ได้พบผมที่ “บ้านสามขา” จังหวัดลำปาง เริ่มวิจัย จัดทำข้อมูล สรรพคุณพบว่า ป้องกันไม่ให้ตับถูกทำลายโดยอัลฟาท็อกซิน ป้องกันสารพิษไม่ให้ตับเสียจากเบาหวาน และไตวาย ปัจจุบันมีขายทั้งต้น สด แห้ง และแบบผง
ประโยชน์ทางยา
1. ใบสดหนานเฉาเหว่ย ตามตำราจีนระบุว่า เป็นยาช่วยลดน้ำตาลในเลือดหรือโรคเบาหวาน โรคเก๊าต์ ลดความดันโลหิตสูง ให้นำใบสด 5-7 ใบ ต้มกับน้ำ 1 ลิตร ต้มด้วยไฟปานกลาง 15-20 นาที แล้วดื่มขณะอุ่นครั้งละ 1 ถ้วยกาแฟ หรือครึ่งแก้วน้ำดื่ม วันละ 2 เวลา ก่อนอาหารเช้า-เย็น ประมาณ 1 สัปดาห์ อาการที่เป็นจะดีขึ้น หลังจากนั้นดื่มบ้างหยุดบ้างเพื่อควบคุมอาการไว้ ไม่จำเป็นต้องกินติดต่อกันเป็นประจำ เพราะหากน้ำตาลในเลือดลดมากเกินไปจะมีอาการวูบได้ ไม่แนะนำให้รับประทานต่อเนื่องนานๆ แต่ควรมีช่วงหยุดพักยาบ้าง เนื่องจากไม่มีข้อมูลความปลอดภัยในระยะยาว เช่น กินวันเว้นวัน หรือ 10 วัน เว้นพัก 3 วัน
2. รักษาอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย ปวดตามข้อ เนื่องจากทำงานหนักหรือยืนเป็นเวลานาน ไม่ใช่เกิดจากกระดูกเสื่อม ให้เอาใบสดของหนานเฉาเหว่ย 1-2 ใบ ล้างน้ำให้สะอาดแล้วเคี้ยวกินสดๆ วันละ 1-2 ใบ ประมาณ 1 สัปดาห์ อาการปวดเมื่อยจะดีขึ้น หลังจากนั้นกินบ้างหยุดบ้างเพื่อควบคุมอาการ ไม่แนะนำให้รับประทานต่อเนื่องนานๆ เหมือนกันกับอาการแรก
3. ไม่แนะนำให้ใช้ในรายที่ควบคุมความดัน ควบคุมน้ำตาลได้ดีอยู่แล้ว หรือเสี่ยงน้ำตาลต่ำ ความดันต่ำ หญิงมีครรภ์ และในรายที่ตับไตผิดปกติขึ้นรุนแรง
4. ไม่แนะนำให้หยุดการรักษาแผนปัจจุบัน เพราะโรคเบาหวานความดัน ยังต้องอาศัยการตรวจจากแพทย์ และเครื่องมือตรวจเลือด ถึงโรคแทรกซ้อนต่างๆ
วิธีทำชาหนานเฉาเหว่ย
1. นำใบแก่หนานเฉาเหว่ยมาล้างให้สะอาด แล้วหั่นขนาด 1 เซนติเมตร ผึ่งให้สะเด็ดน้ำ
2. นำไปคั่วและนวดให้นิ่ม
3. ตากแดดให้แห้ง
4. เก็บบรรจุในขวดแก้วที่สะอาด เพื่อเก็บไว้นำไปชงเป็นน้ำชาดื่มได้
คลิปวิธีการทำชาหนานเฉาเหว่ย
ข้อห้าม : สตรีมีครรภ์และให้นมบุตรควรระวังการใช้ร่วมกับยา
กลุ่ม Digitoxin และ Chloroquine.
ควรปรึกษาผู้ที่มีความรู้ก่อนรับประทาน
สุภาษิต “ขมเป็นยา” ใช้ได้ตรงกับสมุนไพรตัวนี้ เคี้ยวใบสดก็ขม แต่หลังจากอมแล้วกลืนจะรู้สึกหวานคอ แต่ถ้าหากใช้ใบสด 4-5 ใบ ต้มน้ำดื่มก่อนอาหาร 3 เวลา หรือตากใบแห้งทำเป็นผงชาชงก็ลดความขมได้ หรือสะดวกซื้อที่เป็นแคปซูลจากโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จะได้ไม่ต้องทนขม ถ้าอยากจะปลูกก็แค่เสียบกิ่งปักดิน 1 เดือน ได้กิน รับรอง เก๊าต์ เบาหวาน ความดัน ไม่เข้ามาใกล้เลย
แต่…แหม! ถ้าปลูกไว้ที่บ้านทุกคนแล้ว ทนเคี้ยว-กลืน ต้ม-ดื่ม ลืมคำว่าขม รับรองป่าช้าเหงา กลัวแต่ว่า “สัปเหร่อตกงาน” แน่ๆ