ความรู้ความรู้ทั่วไปความเชื่อ

อาถรรพ์ ทาง 3 แพร่ง เมื่อเขามาเตือนไม่ให้ผมซื้อบ้านหลังนี้

อาถรรพ์ ทาง 3 แพร่ง

 

ผู้อ่านเชื่อในพลังงานที่มองไม่เห็นกันไหมครับ จะว่าไปแล้วชีวิตของคนเราในทุก ๆ วันนี้ ต่างอยู่อาศัยร่วมกับพลังงานที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่สัมผัสได้ด้วยความรู้สึก เช่น ลมสัมผัสได้ถึงความเย็น, แสงแดดสัมผัสได้ถึงความร้อน หรือแม้แต่สัญญาณอินเตอร์เน็ตที่เราใช้กันทุก ๆ วันนี้ ต่างมาในรูปแบบคลื่นสัญญาณที่มองไม่เห็น ตัวอย่างเหล่านี้ทำให้เราเห็นได้ชัดเจนว่า พลังงานบางอย่างที่มองไม่เห็นนั้นมีอยู่จริง และมีผลกับการใช้ชีวิตประจำวัน ทำให้เกิดคำถามขึ้นมาในใจกับสมมุติฐานที่ว่า รอบ ๆ ตัวเรายังมีพลังงานชนิดอื่นๆ อีกหรือไม่ที่เรายังมองไม่เห็นและยังไม่มีอุปกรณ์ใดรับส่งสัญญาณเหล่านั้นได้

เนื้อหาชุดนี้ นำเรื่องเล่าที่เกิดจากประสบการณ์ของผู้เขียนเองโดยตรง เรื่องราวเหล่านี้เพิ่งเกิดขึ้นในเดือนที่ผ่านมา เดือนที่เคลียร์งานหลาย ๆ อย่างเสร็จสิ้นไป จึงวางแผนกับภรรยาอยากจะหาบ้านเก่ามือสองมารีโนเวท เพื่อต้องการจะปรับเปลี่ยนโฉมบ้านเก่า ให้กลายเป็นที่พักรายวันหลัง ไว้รองรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการมาพักในเมืองเชียงใหม่ และจะได้ถ่ายทำขั้นตอนต่าง ๆ มาเผยแพร่ความรู้บนเว็บไซต์บ้านไอเดีย

ผู้เขียน : อภิสิทธิ์ สุธาประดิษฐ์

ฮวงจุ้ย ทาง 3 แพร่ง

ก่อนจะพูดคุยถึงรายละเอียด ขอย้อนกลับไปที่เนื้อหา ทางสามแพร่ง ในโครงการบ้านจัดสรร ซึ่งผู้เขียนเคยเขียนให้อ่านกันไปแล้วเมื่อ 4 ปีก่อน (คลิกอ่าน > ทาง 3 แพร่ง บ้านจัดสรร) ระยะเวลาผ่านไป 4 ปี แก่นความรู้ที่เคยเผยแพร่ไป 95% ยังคงเป็นไปตามเนื้อหาที่เคยเผยแพร่ไว้ แต่หลังจากได้พบเจอประสบการณ์ตรงจากบ้านหลาย ๆ หลังที่ตั้งอยู่ในตำแหน่งทาง 3 แพร่ง ทำให้แนวความคิดบางอย่างได้เปลี่ยนแปลงไปพร้อม ๆ กับประสบการณ์ที่พบเจอ จึงขอนำมาบอกเล่าให้ผู้อ่านได้อ่านกันต่อในเนื้อหาชุดนี้ครับ

เริ่มหาบ้านมือสอง
เมื่อทราบโจทย์ความต้องการแล้ว ผมกับภรรยาจึงค้นหาบ้านที่ประกาศขายผ่านอินเตอร์เน็ต และขับรถตระเวนหาบ้านในชุมชนต่าง ๆ หา ๆ ไปก็ยังไม่ได้ทำเลที่โดนใจ จนมาถึงเย็นวันศุกร์หลังเลิกงาน ผมพาพ่อไปเดินออกกำลังกายรอบ ๆ หมู่บ้าน จึงสังเกตเห็นป้ายเล็ก ๆ หน้าบ้านหลังหนึ่งเพิ่งประกาศให้เช่า ผมอยู่หมู่บ้านนี้มาประมาณ 6 ปีแล้วครับ ตลอดระยะเวลา 6 ปี ไม่เคยเห็นคนอยู่อาศัยภายในบ้านหลังนี้เลย แต่อดีตก่อนหน้านี้ มีคนเช่าไว้เก็บของ ดูผิวเผินแล้วผู้เช่าคนเก่าน่าจะทำงานเกี่ยวกับออแกไนซ์ เนื่องจากของที่เก็บเป็นเครื่องไม้ เครื่องมือที่เกี่ยวกับการจัดงานอีเวนต์ล้นออกมาสู่นอกบ้าน

ป้ายประกาศดังกล่าวทำให้ผมต้องโทรไปสอบถามราคา เจ้าของบ้านแจ้งว่าให้เช่าเดือนละ 10,000 บาท พร้อมกับแจ้งรายละเอียดต่าง ๆ ผมจึงถามต่อไปว่า สนใจขายด้วยมั้ย เจ้าของบ้านตอบว่า หากให้ราคาดีก็สนใจ ผมจึงถามเจ้าของบ้านกลับไปว่า ราคาดีที่เจ้าของบ้านต้องการประมาณเท่าไหร่ครับ เจ้าของบ้านตอบ 3.5 ล้านบาท พิจารณาราคาในใจอย่างรวดเร็ว เป็นราคาที่น่าสนใจมาก จึงได้นัดเจ้าของบ้านดูภายในบ้านในบ่ายวันเสาร์

ก่อนจะถึงวันนัดดูบ้าน ผมได้สำรวจบ้านหลังอื่น ๆ ที่กำลังประกาศขายและมีขนาดเท่า ๆ กัน โดยในหมู่บ้านตอนนี้มีบ้านประกาศขายเพียง 2 หลังเท่านั้น ทั้ง 2 หลังขายในราคาเท่ากัน แต่อีกหลังได้ที่ดินน้อยกว่าประมาณ​ 10 ตร.ว. ซึ่งหากเทียบราคาที่ดินย่านนี้ ประมาณ 35,000 ต่อตารางวา นั่นเท่ากับว่า บ้านหลังนี้ถูกกว่าบ้านอีกหลัง ประมาณ 3.5 แสนบาท จึงสนใจบ้านที่นัดดูมากกว่า อีกเหตุผลหลักที่ผมต้องการบ้านในหมู่บ้านนี้ คือ ทำเลดีมาก และจากที่ได้อยู่อาศัยด้วยตนเองมา 6 ปี จึงทราบข้อดีหลาย ๆ ด้านของทำเลดังกล่าว อีกทั้งยังห่างจากบ้านผมเองเพียงไม่กี่ก้าว ช่วยให้สะดวกต่อการรีโนเวทและดูแลลูกค้าในอนาคต

ข้อเสียของบ้านหลังนี้ อยู่ในตำแหน่งทาง 3 แพร่ง แต่จากที่ได้ศึกษาศาสตร์ฮวงจุ้ยตามหลักวิทยาศาสตร์ ได้เรียนรู้โดยตรงจากซินแสหลาย ๆ ท่าน ทำให้มั่นใจว่า การปรับแก้ฮวงจุ้ยทาง 3 แพร่งนั้น สามารถแก้ไขได้ อีกทั้งหากองศาทิศทางดี ยังสามารถเปลี่ยนทำเลร้ายให้กลายเป็นดีได้อีกด้วยครับ และทาง 3 แพร่งในหมู่บ้านจัดสรรขนาดเล็ก ๆ อยู่กันไม่กี่หลังคาเรือน แทบจะไม่มีผลกระทบใด ๆ ด้านความปลอดภัย จึงไม่คิดมากเรื่องนี้ และวางแผนที่จะปรับแก้ฮวงจุ้ยโดยการย้ายตำแหน่งประตูรั้ว พร้อมกับแก้ฮวงจุ้ยตามหลักเบญจธาตุ

ถึงวันนัดดูบ้าน
บ่ายโมงวันเสาร์ ผมกับภรรยาเดินมาจากบ้าน เพื่อมายืนรอเจ้าของบ้านที่นัดไว้ ไม่นานนักเจ้าของบ้าน 2 สามีภรรยา อายุน่าจะเกือบ ๆ 60 ปี ขับรถมาจอดหน้าประตูรั้ว เมื่อทั้งคู่เดินลงจากรถ จึงทักทายกันตามปกติ และเจ้าของบ้านได้เปิดประตูให้เข้าชม

ผมเริ่มสำรวจจากพื้นที่รอบ ๆ บ้าน บ้านหลังนี้มีอายุกว่า 30 ปี สภาพโดยรวมภายนอกประมาณ 70% ยังมีสภาพที่ดี อาจมีบ้างบางจุดที่ไม่ส่งผลดีกับฮวงจุ้ยบ้านเท่าไหร่นัก แต่ก็สามารถปรับแก้ได้ไม่ยาก หลังจากสำรวจรอบบ้านเสร็จแล้ว เดินเข้ามาภายในบ้าน ภาพรวมของภายในดูโปร่งสบาย ต้องขอชื่นชมสถาปนิกผู้ออกแบบ แม้จะเป็นบ้านเก่า 30 ปี แต่ผังแปลนบ้านค่อนข้างทันสมัย ซึ่งหากผังบ้านดีจะช่วยให้การรีโนเวทง่ายยิ่งกว่าเดิม

เดินชมห้องนั่งเล่น ทานอาหารและห้องครัว ยังไม่เจอความผิดปกติใด ๆ แต่หลังจากเดินเข้ามาในห้องนอน Master ผมเกือบเซตัว นั่นเป็นเพราะพื้นภายในห้องนอนไม่สม่ำเสมอ มีความลาดเอียงเล็กน้อย เดินครั้งแรกยังไม่มั่นใจ จึงถอยหลังกลับไปเดินใหม่อีกครั้ง พร้อมกับเรียกให้ภรรยามาดูว่ารู้สึกเหมือนกันมั้ยว่าพื้นมันเอียง สรุปทั้งคู่รู้สึกตรงกัน จึงสอบถามเจ้าของบ้าน

เจ้าของบ้านให้คำตอบว่า “พื้นมันเอียงตั้งแต่ตอนซื้อบ้านเลย อย่างว่าละช่างสมัยก่อนไม่ค่อยมีความรู้อะไรมาก เป็นมาตั้งแต่โครงการเปิดขายแล้ว” ผมได้แต่ตอบครับ ๆ เออ ออ ไปตามเจ้าของบ้าน แต่ภายในใจเกิดคำถามขึ้นมาว่า เหตุใดเจ้าของบ้านเห็นปัญหาตั้งแต่ซื้อแล้วไม่แจ้งให้โครงการปรับแก้ และอยู่มาได้อย่างไรถึง 30 ปี ไม่คิดจะแก้เลยหรอ ? หรือที่ผ่านมาไม่มีใครอยู่ประจำเลย ..

แต่นั่นก็ไม่ใช่ประเด็นสำคัญในการตัดสินใจซื้อ เพราะผมเองมีความคิดที่จะรีโนเวทใหม่อยู่แล้ว จึงเดินชมห้องอื่น ๆ จนครบทั้งหลัง โดยรวมบ้านยังอยู่ในสภาพดี ชมเสร็จจึงมานั่งคุยราคากับเจ้าของบ้าน ผมสอบถามเจ้าของบ้านไปตรง ๆ ว่า ลดราคาได้อีกเท่าไหร่ สังเกตได้ทันทีว่าเจ้าของบ้านสีหน้าไม่ดีนัก ผมจึงลดระดับการต่อราคา แต่สรุปแล้วเหลือ 3.4 ล้านบาท (ลดมา 1 แสนก็ยังดี)

การนัดดูครั้งนี้ เป็นเพียงการดูเบื้องต้น เพื่อที่จะได้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ

หลังจากคุยเรื่องราคาเสร็จ ผมแจ้งเจ้าของบ้านว่าจะติดต่อกลับไปอีกครั้ง และร่ำลากันไป

พ่อบอกไม่เอา อย่าซื้อ
หลังจากวันนั้น ทุก ๆ เย็นหลังเลิกงานผมได้แต่เฝ้ามองบ้านหลังนี้ เย็นวันหนึ่งพาพ่อเดินออกกำลังกายตามปกติ ขณะที่เดินผ่านบ้านหลังนี้ ผมเอ่ยถามพ่อว่าจะซื้อบ้านหลังนี้ดีมั้ย พ่อหันไปมอง พร้อมกับพูดว่า ไม่ซื้อ และเดินต่อไปโดยไม่ได้สนใจอะไรมาก ทำให้ผมรู้สึกแปลกใจเล็ก ๆ ต้องขอท้าวความก่อนว่า พ่อผมเป็นโรคอัลไซเมอร์ ร่างกายยังแข็งแรงแต่สมองผิดปกติ มีอาการหลง ๆ ลืม ๆ โดยปกติหากจะซื้อบ้านหรือที่ดินที่ใด ๆ ผมมักจะพาพ่อไปด้วยเสมอ และพ่อมักบอกว่าให้ซื้อทุก ๆ ครั้งที่ถามไป ครั้งนี้อาจเป็นครั้งแรกที่พ่อบอกว่าอย่าซื้อเลย

แต่นั่นก็ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เพราะการตัดสินใจใด ๆ ต้องเป็นไปตามหลักวิเคราะห์อสังหาฯและฮวงจุ้ยเท่านั้น

หลังจากผ่านไปประมาณ 3 วัน ระหว่างนั้นผมวิเคราะห์ผังบ้าน วิเคราะห์งานออกแบบต่าง ๆ ที่ต้องรีโนเวทใหม่ โดยรวมบ้านหลังนี้ต้องใช้งบประมาณรีโนเวทพร้อมตกแต่งเพื่อใช้เป็นที่พักรายวัน รวม ๆ แล้วยังเพียงพอต่อควมคุ้มค่าในการลงทุน ผมกับภรรยาจึงตัดสินใจที่จะซื้อบ้านหลังนี้ แต่ยังมีบางจุดที่ข้อมูลไม่ชัดเจน จึงติดต่อเจ้าของบ้านไปอีกครั้ง เพื่อจะขอดูโฉนดและพิมพ์เขียวแปลนบ้าน

ติดต่อซื้อ (นัดดูรอบ 2)
ผมพยายามโทรหาเจ้าของบ้านหลายต่อหลายครั้ง แต่โทรไม่ติด และไม่มีการติดต่อกลับใด ๆ ตอนนั้นคิดไปเองว่า สงสัยเจ้าของบ้านอาจจะเปลี่ยนใจไม่อยากขาย แต่ก็ยังพยายามโทรติดต่อหลายวัน จนกระทั่งติดต่อได้ จึงขอนัดดูบ้านอีกครั้ง เพื่อต้องการข้อมูลมาวิเคราะห์ต้นทุนในการรีโนเวท

เมื่อถึงวันนัดเจอ ผมขอเจ้าของบ้านดูโฉนดและพิมพ์เขียว แต่เจ้าของบ้านบอกว่าพิมพ์เขียวไม่มีแล้ว ตอนซื้อโครงการไม่ได้ให้มามีเพียงโฉนดเท่านั้น ผมจึงกะระยะห้องต่าง ๆ ด้วยสายตา พร้อมกับวาดผังบ้านลงบนกระดาษที่เตรียมไว้ ขณะที่เข้าสำรวจห้องนอนอีกห้อง ผมสัมผัสได้ถึงความวังเวงบางอย่าง แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ประจวบกับต้องการความชัวร์ในการวัดขนาด จึงบอกภรรยาว่าจะเดินกลับไปเอาตลับเมตรที่บ้าน ภรรยาจึงนั่งรอในห้องคนเดียว

หลังจากกลับมา ผมค่อย ๆ วัดขนาดไปทีละห้อง ในขณะเดียวกันสังเกตงานโครงสร้างต่าง ๆ จุดที่ต้องปรับแก้ ทุบ รื้อ รีโนเวทใหม่ เมื่อวัดภายในแล้วมาวัดภายนอกต่อจนเสร็จ จากนั้นมานั่งคุยกับเจ้าของบ้านอีกครั้ง

การสนทนาส่วนใหญ่จะพูดคุยถึงเรื่องบ้านหลังนี้ เจ้าของบ้านเล่าให้ฟังว่า “บ้านหลังนี้ซื้อมา 30 ปีกว่าแล้ว ยังไม่เคยเปลี่ยนเจ้าของใหม่ ตอนซื้อชวนกันมาซื้อ เพื่อนบ้านข้าง ๆ ก็เป็นเพื่อนที่ทำงานด้วยกันมาก่อน” ประโยคนี้ทำให้ผมกลับมาฉุกคิดย้อนหลัง ตอนที่เจ้าของบ้านอยู่หน้าบ้าน เพื่อนบ้านข้าง ๆ ก็อยู่หน้าบ้านอีกหลัง หากเคยเป็นเพื่อนทำงานเก่า แต่เหตุใดไม่มีการทักทายใด ๆ เกิดขึ้นเลย ซึ่งโดยปกติแล้วคนไม่เจอกันนาน น่าจะทักทายกันบ้าง หลังจากคุยเสร็จผมจึงบอกเจ้าของบ้านว่า จะติดต่อกลับไปอีกครั้ง เนื่องจากไม่มีพิมพ์เขียว จึงขอไปคำนวณส่วนต่าง ๆ ก่อนตัดสินใจ

หลังจากดูบ้านเสร็จ ผมกับภรรยากลับมาคุยกัน ภาพรวมการตัดสินใจ 95% ซื้อค่อนข้างชัวร์ อีก 5% เป็นสิ่งที่ยังค้างคาใจ แต่ก็ตอบไม่ได้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร

ค่ำคืนเดียวกับวันนัดดูบ้าน
คืนนั้นผมกับภรรยานอนหลับค่อนข้างไว ซึ่งโดยปกติผมเองเป็นคนนอกดึก สิ่งที่ผมยังจำได้อย่างชัดเจนคือความฝันอันน่ากลัว แม้ปกติตัวผมเองมักจะฝันเห็นเรื่องเหล่านี้อยู่บ้าง แต่ไม่เคยฝันในลักษณะนี้มาก่อนเลย เรื่องราวในฝันเป็นเรื่องราวที่ทำให้ผมตกใจตื่น สถานที่ในฝันคือห้องนอนของผมเอง ผมเห็นเพื่อนเก่าสมัยประถม เป็นเพื่อนผู้หญิงชื่อเบียร์ ได้เสียชีวิตไปตั้งแต่ช่วงวัยรุ่น ในฝันผมถามเบียร์ว่าเข้ามาในห้องนอนผมทำไม เบียร์ถามกลับมาว่า เข้ามาไม่ได้หรอ และจู่ ๆ ภาพในฝันก็ตัดไปที่ภรรยา ซึ่งกำลังนอนอยู่ข้าง ๆ แต่ในขณะเดียวกันมีผู้หญิงอีกคน ผิวขาวร่างเล็กบาง ผมยาวตรง อายุประมาณ 20 ปลาย ๆ กำลังนอนหัวเราะซ้อนทับกับภรรยา โดยร่างของผู้หญิงคนดังกล่าวเป็นร่างที่โปร่งใสเสมือนกับดวงวิญญาณที่สามารถทะลุผ่านร่างกายของภรรยาที่กำลังนอนหลับอยู่ได้ เรื่องราวในฝันให้ความรู้สึกเสมือนว่า วิญญาณผู้หญิงดังกล่าวจะมาบอกว่า ภรรยาของผมกำลังนอนทับที่เค้าอยู่

ในฝันผมเริ่มรู้สึกตัวว่านี่กำลังเป็นสิ่งที่เรากำลังฝัน จึงพยายามดันตนเองเพื่อให้หลุดออกจากความฝันนั้น ในขณะเดียวกัน วิญญาณดังกล่าวก็ยังหัวเราะและลุกขึ้นนั่งสลับกับนอนทับร่างภรรยา ในที่สุดผมก็ตื่นจากความฝันได้ ผมหันไปมองภรรยาซึ่งกำลังหลับอีกครั้ง หันซ้าย หันขวา ภายในห้องนอกจากร่างกายผมเองที่เหงื่อชุ่มตัว ก็ไม่มีเหตุการณ์ใดผิดปกติอีก

ก่อนจะหลับนอนอีกครั้ง ผมได้แต่คิดทบทวนถึงเหตุการณ์ในฝัน เราไม่เคยฝันลักษณะนี้เลย และเหตุใดจู่ ๆ ฝันถึงเพื่อนเก่าสมัยประถม ปัจจุบันนี้ผมอายุ 30 ปีกว่าแล้ว ซึ่งห่างจากวัยประถมประมาณ 20 ปี ด้วยความยาวนานของกาลเวลา ผมจึงแทบจะไม่เคยคิดถึงเพื่อนคนนี้มาก่อนเลย แต่สิ่งที่จำได้คือเพื่อนคนนี้เสียชีวิตแล้วตั้งแต่ช่วงวัยรุ่น ส่วนดวงวิญญาณของผู้หญิงอีกคน คือ ใคร กลายเป็นสิ่งที่ผมต้องฉุกคิดไปถึงบ้านหลังนั้น

วันต่อมา
เช้าของอีกวัน ผมครุ่นคิดลังเลใจว่าจะเล่าเรื่องดังกล่าวให้ภรรยาฟังดีหรือไม่ แต่หากไม่เล่าและซื้อบ้านหลังนี้ไปแล้ว อาจก่อให้เกิดความค้างคาใจ ท้ายที่สุดผมจึงตัดสินใจเล่าเรื่องดังกล่าวให้ภรรยาฟัง ภรรยาตกใจถึงกับขนแขนลุกชันอัตโนมัติ พร้อมกับเล่าให้ฟังว่า เค้าเองก็รู้สึกแปลก ๆ หลังจากกลับมาจากดูบ้าน แต่ไม่ได้เล่าให้ผมฟังก่อนหน้านี้เพราะอาจจะเป็นเพียงความรู้สึกที่คิดไปเอง ภรรยาเล่าให้ฟังว่า “หลังจากกลับมาจากดูบ้าน รู้สึกร้อนจึงอาบน้ำ ในขณะกำลังอาบน้ำมีความรู้สึกเหมือนมีผู้หญิงสาวคนหนึ่งเดินผ่านในห้องน้ำ และไม่ใช่แค่รู้สึกหรือตาฝาดทั่วไป แต่สัมผัสได้ถึงผิวที่มากระทบแขน ภรรยาหันไปมองด้วยความตกใจกลัวแต่ก็ไม่มีสิ่งใดปรากฎขึ้น”

ประจวบกับขณะที่ผมกลับไปเอาตลับเมตรเพื่อมาวัดขนาดห้องต่าง ๆ ตอนนั้นภรรยาอยู่ในห้องที่ผมสัมผัสได้ถึงความวังเวงคนเดียวและรู้สึกถึงความวังเวงบางอย่างเช่นกัน แต่ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรมากและได้ยกมือไหว้เจ้าที่ เจ้าทาง พร้อมกับบอกในใจว่า หากต้องการให้ซื้อหรือไม่ซื้อบ้านหลังนี้ ช่วยมีอะไรมาดลใจ เพื่อให้ได้คำตอบชัดเจนในการตัดสินใจด้วยเถิด

หรือเรื่องราวในฝัน จะเป็นการมาบอกอะไร …

ยังไม่จบ
เย็นวันนั้นผมได้กลับไปที่บ้านหลังนี้อีกครั้ง เพื่อไปวัดองศาทิศทางอย่างละเอียด พร้อมกับวิเคราะห์ผังโครงการทั้งหมดอีกครั้ง ทำให้พบคำตอบในสิ่งที่มองข้ามไป โดยตำแหน่งดังกล่าวนอกจากจะตรงกับทาง 3 แพร่งแล้ว แปลงที่ดินตรงข้ามอยู่ในลักษณะ 3 เหลี่ยมมีปลายแหลมพุ่งเข้ามายังตัวบ้าน ส่วนถนนเส้นที่พุ่งเข้ามาตรงกับตัวบ้าน (ตรงกับตำแหน่งห้องที่พื้นเอียง) สุดปลายทางของถนนเป็นกองขยะที่ชาวบ้านได้มากองรวมไว้ หากสังเกตให้ดี ๆ จะมองเห็นกองขยะจากหน้าบ้านเลย สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งไม่ดี ส่งผลร้ายต่อผู้อยู่อาศัยได้

เรื่องราวทั้งหมดนี้ ผู้เขียนเองยอมรับว่าเป็นเรื่องราวลี้ลับที่ไม่มีข้อพิสูจน์ใด ๆ มาเป็นหลักฐานยืนยันได้ แต่เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริง จึงควรใช้วิจารณญาณในการอ่านข้อมูลนะครับ ที่แน่ ๆ หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา ภรรยาห้อยพระทุกวัน ซึ่งปกติตั้งแต่เล็กจนโตไม่เคยห้อยพระมาก่อนเลย ^_^

ปล. ผู้อ่านท่านใดต้องการอ่านวิธีแก้ฮวงจุ้ยทาง 3 แพร่ง คอมเม้นต์ไว้ใต้โพสต์นะครับ หากสนใจกันเยอะ จะนำมาให้อ่านอย่างละเอียดในบทความถัดไป

ใส่ความเห็น