ข่าวทั่วไปข่าวบันเทิงความรู้ความรู้ทั่วไปสุขภาพเคล็ดลับ

ใครที่ “ชา” บริเวณนี้ บ่อย ๆ อาจเป็นอาการเบื้องต้นของปลายประสาทอักเสบ

 

ชาประสาทส่วนปลาย หรือที่เราเรียกกันว่า “ชาปลายนิ้วมือนิ้วเท้า” ซึ่งคนส่วนใหญ่ไม่ค่อยใส่ใจกับอาการที่เกิดขึ้น เพราะคิดว่าเป็นอาการที่เกิดขึ้นชั่วคราวสามารถหายได้เอง แต่รู้ไหมว่า “อาการชา” ที่เกิดขึ้นบ่อยๆ อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคปลายประสาทอักเสบ ซึ่งถ้าปล่อยไว้เป็นเวลานานโดยไม่ได้รับการรักษา ก็อาจจะทำให้เกิดอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง, กล้ามเนื้อลีบ และการรับรู้ความรู้สึกลดลงจนหมดความรู้สึกได้

ซึ่ง นพ.สมชาย โตวณะบุตร แพทย์ทรงคุณวุฒิทางอายุรกรรม สาขาประสาทวิทยา สถาบันประสาทวิทยา ได้มีการกล่าวถึง โรคปลายประสาทอักเสบ ว่าสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ที่มีอายุเฉลี่ย 30 ปีขึ้นไป โดยกลุ่มคนที่จัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงต่อโรคนี้ ได้แก่

-ผู้ป่วยโรคเบาหวาน

-คนที่ทำงานหนัก

-พักผ่อนน้อย

-คนที่ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ

-คนที่รับประทานอาหารไม่ครบ 5 หมู่

-คนที่ร่างกายขาดวิตามินบางชนิด (วิตามิน บี 1 บี 6 บี 12)

-คนที่รับประทานยาบางตัวที่มีผลข้างเคียงต่อเส้นประสาท

 

โดยระบบประสาทของเราแบ่งออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ คือ

1.ระบบประสาทส่วนกลาง ประกอบด้วย “สมองและไขสันหลัง” ซึ่งมีหน้าที่เป็นศูนย์ควบคุม สั่งการและส่งคำสั่งโดยกระแสประสาท

2.ระบบประสาทส่วนปลาย ทำหน้าที่รับคำสั่งจากระบบประสาทส่วนกลางและส่งต่อคำสั่งไปยังกล้ามเนื้อ ส่งผลให้เราสามารถเคลื่อนไหวและรับรู้ความรู้สึกได้ โดยระบบประสาทส่วนปลายมีเส้นประสาททำหน้าที่เหมือนเป็นสายไฟฟ้าในการนำคำสั่งไปตามอวัยวะต่างๆ

ซึ่งเส้นประสาทส่วนปลายที่ออกจาก “สมอง” มีอยู่ทั้งหมด 12 คู่ซ้ายขวา แต่ละคู่ควบคุมการทำงานในแต่ละส่วนของร่างกายที่แตกต่างกันไป โดยเส้นประสาทที่มักพบอาการอักเสบ และเห็นความผิดปกติของร่างกายได้ชัด เช่น เส้นประสาทคู่ที่ 7 เป็นเส้นที่เกิดขึ้นบ่อยๆ ถ้าเกิดการอักเสบ ทำให้เกิดโรคหน้าเบี้ยว ใบหน้าอ่อนแรงครึ่งซีก ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากการติดเชื้อไวรัสในช่วงที่เราทำงานหนัก พักผ่อนน้อย, เส้นประสาทคู่ที่ 8 ถ้าเกิดการอักเสบ ทำให้สูญเสียการทรงตัว เกิดอาการบ้านหมุนตามมา บางรายอาจเกิดเสียงแว่วในหู หรือ หูดับ เส้นประสาทคู่ที่3,4,6 อักเสบ มักจะพบในกลุ่มผู้ป่วยเบาหวาน อาการที่เจอคือ เห็นภาพซ้อนในแนวใดแนวหนึ่ง และ เส้นประสาทที่อาจจะพบการอักเสบได้อีก ได้แก่ เส้นที่ 5 จะมีอาการปวดเสียวแปล๊บๆ บนใบหน้า เหมือนไฟฟ้าช็อต มักเกิดซีกใดซีกหนึ่งของหน้า

เส้นประสาทที่ออกจาก “ไขสันหลัง” มีหลายสิบคู่ ซึ่งอาจเจอในเรื่องของเส้นประสาทถูกกดทับ หรืออักเสบได้ จากการที่เราใช้อวัยวะ อาทิ คอ มือ เอว ในท่าทางที่ไม่ถูกต้องนานๆ โดยกลุ่มแม่บ้าน คนที่ใช้มือเยอะๆ เช่น คนขี่มอเตอร์ไซด์ คนที่พิมพ์คอมพิวเตอร์นานๆ รวมไปถึงคนที่มีหมอนรองกระดูกเสื่อม อาจจะพบเส้นประสาทถูกกดทับได้มากกว่าคนทั่วไป อาการที่พบคือ ชา ปวดแปล๊บๆ ปวดร้อนๆซ่าๆ ตามบริเวณที่ถูกกดทับ หากได้รับการรักษาแต่เนิ่นๆ ก็จะมีโอกาสทุเลาลง หรือหายขาดได้ แต่ถ้าเรานิ่งเฉย ไม่สนใจ และปล่อยให้อาการเหล่านี้เกิดต่อเนื่องเรื่อยๆ และทวีความรุนแรงขึ้น ก็อาจจะส่งผลให้เกิดกล้ามเนื้ออ่อนแรง กล้ามเนื้อลีบเล็กลง หรือ เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต จนไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ หรือ ไม่สามารถรับความรู้สึกได้เหมือนเดิม

การดูแลตัวเองและป้องกันไม่ให้เกิดโรคปลายประสาทอักเสบ เป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งวิธีการป้องกันสามารถทำได้โดย

– การพักผ่อนให้เพียงพอ

– รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่

– เลิกดื่มแอลกอฮอล์ งดสูบบุหรี่

– ปรับรูปแบบการใช้ชีวิตประจำวันไม่ให้เส้นประสาทเสี่ยงต่อการถูกกดทับ

 

ลองสังเกตตัวเองดูนะคะ และถ้าหากสงสัยว่าอาจจะเป็นโรคปลายประสาทอักเสบ ก็สามารถเข้ารับการตรวจคัดกรองเบื้องต้น จากสถานพยาบาลทั่วประเทศ โดยวัดความรู้สึกจากแรงสั่นสะเทือนที่เท้า ซึ่งเหมาะสำหรับตรวจคัดกรองเบื้องต้นสำหรับกลุ่มคนที่มีภาวะโรคปลายประสาทอักเสบแอบแฝงส่วนขั้นตอนในการรักษา

แพทย์จะรักษาตามสาเหตุที่ทำให้เกิดโรค เช่น การให้ยาหรือการให้วิตามิน บี 1 บี 6 บี 12 ขนาดที่เหมาะสม รวมถึงการทำกายภาพบำบัดในรายที่กล้ามเนื้ออ่อนแรง

ใส่ความเห็น