รถติดไฟแนนซ์สูญหาย ไม่ต้องผ่อนกุญแจเปล่า เรื่องนี้ผู้ใช้รถต้องรู้ จะได้ไม่โง่อีกต่อไป
ช่วงนี้เศรษฐกิจย่ำแย่ โจรก็ชุกชุมออกอาละวาดทุกวัน ยิ่งเห็นรถใหม่ป้ายแดงถูกโจรกรรมทั้งที่ยังไม่ได้ป้ายดำด้วยซ้ำ เห็นแล้วช้ำใจแทนเจ้าของ แต่ก็มีหลายคนที่ต้องผ่อนกุญแจทั้งๆ ที่รถหายไปแล้ว และมีอีกหลายคนที่ไม่รู้ต้องทำยังไงต่อ มืดแปดด้าน วันนี้เราจึงหาคำตอบมาให้คุณแบบง่ายๆ ที่เข้าใจและมองเห็นภาพ
ไม่ต้องผ่อนกุญแจเปล่า
ถ้ารถหายไปแล้วในระหว่างที่ผ่อนไฟแนนซ์ ขอแนะนำว่าไม่ต้องผ่อนต่อ เพราะกฎหมายให้เช่า + คำมั่นว่าจะขาย ดังนั้นเมื่อทรัพย์ที่เช่าซื้อสูญหาย สัญญาย่อมระงับ ผู้เช่าซื้อไม่ต้องส่งค่าเช่าให้แก่ผู้เช่าซื้อ มีหลายคนโดนฟแนนซ์หลอกให้ผ่อนกุญแจต่อเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ทั้งที่รถถูกขโมยไปแล้วดังนั้นสัญญาจึงระงับยุติลง ในทางกฎหมายคือ ต้องยุติการจ่ายค่างวดทันที เพราะเงินประกันรถหายก็ได้ไปแล้ว ปกติวงเงินประกัน 80% ของราคาเต็ม ดังนั้นจึงเหลือประเด็นเดียวว่าค่าเสียหายมีเท่าไหร่?
ค่าเสียหายมีเท่าไหร่?
สำหรับเรื่องค่าเสียหายนี้ศาลฎีกาเคยวางบรรทัดฐานเอาไว้ว่า ถ้ารถที่เช่ซื้อสูญหายก็ต้องมาคำนวณว่ารถราคาเท่าใด ผู้เช่าซื้อจ่ายค่างวดมาแล้วเป็นเงินเท่าไหร่ บริษัทประกันได้จ่ายค่าสินไหมทดแทนแก่ลิซซิ่งเนื่องจากรถหายเป็นเงินเท่าไหร่ ถ้า 2 จำนวนนี้รวมกันแล้วเกินกว่าราคารถที่ลิสซิ่งซื้อมาจากผู้เช่าซื้อ ก็ไม่ต้องจ่ายค่าเสียหาย
ข้อมูลเพิ่มเติม
#รถติดไฟแนนซ์หายต้องผ่อนต่อหรือไม่ ?
#เช่าซื้อ คือ
….การให้เช่า + คำมั่นว่าจะขาย
…ดังนั้นเมื่อทรัพย์ที่เช่าซื้อสูญหาย สัญญาย่อมระงับ ผู้เช่าซื้อจึงไม่ต้องส่งค่าเช่าให้แก่ผู้ให้เช่าซื้อ (ไม่ต้องผ่อนต่อ) แต่คงต้องรับผิดในงวดที่ค้างชำระเท่านั้น เช่น ผ่อนมาแล้ว 5 งวด รถหายในช่วงเวลาระหว่างงวดที่ 5 – 6 ต้องชำระค่างวดที่ค้างในงวดที่ 3 งวดที่ 6 ไม่ต้องผ่อนต่อ
แต่ก่อนนี้ เมื่อไปแจ้งความเราคงทราบดีว่ารถที่หายดังกล่าวเป็นกรรมสิทธิของไฟแนนซ์ ตำรวจจะต้องให้ไฟแนนซ์เป็นคนมาแจ้งความ หรือให้ทางไฟแนนซ์มอบอำนาจมาเรามาดำเนินการเอง
ซึ่งปัจจุบันนี้ได้มี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8980/2555
ได้วางบรรทัดฐานไว้ว่า
“ผู้เช่าซื้อย่อมมีสิทธิครอบครองใช้ประโยชน์จากรถที่เช่าซื้อ เมื่อมีผู้ยักยอกรถนั้นไป โจทก์ร่วมย่อมได้รับความเสียหาย โจทก์ร่วมจึงเป็นผู้เสียหายมีอำนาจร้องทุกข์และขอเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการได้โดยไม่จำต้องได้รับมอบอำนาจจากผู้ให้เช่าซื้อ”
ดังนั้นจึงไม่ต้องดำเนินการเหมือนอย่างแต่ก่อน ดำเนินการร้องทุกข์แจ้งความได้ทั้นที
เมื่อแจ้งความเป็นหลักฐานกับตำรวจ แล้วนำสำเนาการแจ้งความไปมอบให้ บ.ประกันภัย และไฟแนนซ์ ไฟแนนซ์จะดำเนินการเคลมประกัน
เราควรตรวจสอบว่า บริษัทประกันเคลมให้ตามวงเงินที่กรมธรรม์ระบุไว้หรือไม่เคลมเท่าไหร่ ?
ประเด็นจึงเหลือประเด็นเดียวคือค่าเสียหายมีเท่าไหร่ ?
เรื่องนี้ศาลฎีกาเคยวางบรรทัดฐานว่าถ้ารถที่เช่าซื้อสูญหายก็ต้องมาคำนวณครับว่ารถราคาเท่าใด ผู้เช่าซื้อจ่ายเงินค่างวดมาแล้วเป็นเงินเท่าใด บริษัทประกันได้จ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่บริษัทลิสซิ่งเนื่องจากรถหายเป็นเงินเท่าใด
ถ้า 2 จำนวนนี้รวมกันแล้วเกินกว่าราคารถที่บริษัทลิสซิ่งซื้อมา อย่างนี้ผู้เช่าซื้อก็ไม่ต้องจ่ายค่าเสียหาย
แต่กรณีกลับกันถ้าไม่พอกับความเสียหายที่ผู้ให้เช่าซื้อได้รับ
#ศาลก็จะกำหนดความเสียหายให้ตามสมควร
…แต่มิใช่ให้ชำระค่าเช่าซื้อจนครบเต็มตามสัญญาแต่อย่างใด
…ดังนั้นด้วยเหตุผลที่ว่ามา ผู้เช่าซื้อจึงไม่ต้องผ่อน (กุญแจ) ต่อไปจนครบกำหนดตามสัญญาแต่อย่างใด
cR. น้ำส้ม