ลูกยอ มีสารช่วยระงับการเติบโตของเซลล์มะเร็งและเนื้องอกได้
หลายคนคงจะเคยเห็นและ หลายคนคงจะรู้สรรพคุณเบื้องต้นของลูกยอแล้ว คือช่วยให้ระบบเลือดหมุ่นเวียนดี และนอกจากนี้แล้วลูกยแยังช่วย ระงับการเติบโตของเซลล์มะเร็งและเนื้องอกได้ จากงานวิจัยในต่างประเทศพบว่า ผลยอสามารถเสริมสร้างระบบภูมิต้านทาน โดยควบคุมการทำงานของเซลล์ต่างๆ และการงอกใหม่ของเซลล์ที่ถูกทำลาย
ดังนั้น ลูกยอ จึงมีค่าอันประมาณไม่ได้ในการเป็นสมุนไพรที่ช่วยเยียวยา ด้วยสรรพคุณต่างๆ และนอกจากนี้ผลยอสามารถรับประทานร่วมกับยาอื่นๆ ได้โดยเกือบจะไม่มีปฏิกิริยาทางลบเลย ผลข้างเคียงของผลยอมีน้อยมาก โดยมีน้อยกว่า 5 เปอร์เซ็นต์ อาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้คือ อาการท้องอืด ถ่ายเหลว อาการแพ้หรือมีผื่นเล็กน้อย และอาการเหล่านี้จะหายไปเมื่อลดปริมาณการรับประทานลง
ลูกยอ ยังมีคุณสมบัติในการบำบัดรักษาโรคความดันโลหิตสูง ซึ่งสารสำคัญที่มีผลในการบำบัดอาการนี้คือ สโคโปเลติน (Scopoletin) โดยเป็นสารอาหารจากพืชอย่างหนึ่งที่พบในลูกยอ สารตัวนี้จะมีฤทธิ์ในการขยายหลอดเลือดที่หดตัว ผลคือ ทำให้ระดับของความดันโลหิตลดลงจนเป็นปกติ ซึ่งจะมีผลในการชะลอการเสื่อมของหัวใจด้วย กระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดขาว และการสร้าง ภูมิคุ้มกัน เพิ่มภูมิต้านทานโรคให้ดี ขึ้นเพื่อต่อต้านเชื้อโรค
– ต้านมะเร็ง ป้องกันร่างกายจากการติดเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา
– ต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อรา ยับยั้งการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ปกติไม่ให้กลายเป็นเซลล์มะเร็ง
– ต่อต้านเซลล์มะเร็ง และเสริมภูมิต้านทานโรค โดยการกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดขาว เพื่อต่อต้านเซลล์มะเร็งและเชื้อโรคต่าง ๆ
– ป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง
– ยับยั้งการเติบโตของเซลล์มะเร็ง
– เพิ่มคุณภาพชีวิตและช่วยให้ผู้เป็น มะเร็งมีอายุยืนยาวขึ้น
– ช่วยให้เซลล์ขับถ่ายสารพิษต่าง ๆ ออกไปนอกร่างกาย
-ชะลอความเสื่อมของเซลล์, ชะลอความแก่ ป้องกันการตีบตันของหลอดเลือดแดง, ลดการเกิดโรคหัวใจ, อัมพฤกษ์อัมพาต
– ช่วยจับโคเลสเตอรอล (Cholesteral), น้ำตาลในเลือด
– ช่วยลดระดับโคเลสเตอรอล (Cholesteral) และระดับน้ำตาลในเลือด
จากการวิจัยของคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ระบุว่า ลูกยอสามารถช่วยกระตุ้นภูมิต้านทาน และป้องกันมะเร็งได้ โดยในลูกยอจะมีสารกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดขาว ซึ่งทำหน้าที่กำจัดเชื้อโรคในร่างกาย และสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งไม่ให้ลุกลาม แต่ไม่ได้รักษามะเร็ง
ยอเป็นผลไม้ที่มีโปรเซอโอนีนประกอบอยู่เป็นจำนวนมาก ร่างกายที่ต้องการเซอโอนีนจำนวนมาก เนื่องจากภาวะเครียดหนักๆ การเปลี่ยนแปลงของเซลล์ก่อนเป็นมะเร็ง ปัญหาสุขภาพ (ทั้งทางกายและทางใจ) การติดเชื้อรา การได้รับสารพิษ สิ่งเหล่านี้จะทำให้ระบบร่างกายเกิดความต้องการเซอโอนีนมากขึ้น เมื่อเกิดภาวะเช่นนี้ ความต้องการเซอโอนีนจะมีมาก แต่ตับซึ่งทำหน้าที่ผลิตสารโปรเซอโอนีน จะผลิตสารนี้ได้ไม่พอกับความต้องการของร่างกายที่ไม่ปกติ ดังนั้นผลยอจึงมีประโยชน์อย่างมาก เพราะยอเป็นผลไม้ที่มีโปรเซอโอนีนประกอบอยู่เป็นจำนวนมาก นอกจากนั้นยังมีการศึกษาพบอีกว่า ยอทำให้การทำงานของต่อมชนิดหนึ่งในสมองดีขึ้น ต่อมนี้จะทำหน้าที่ผลิตสารชื่อ Serotonin สารนี้จะเป็นตัวผลิตฮอร์โมน Melatonin ซึ่งสารนี้จะช่วยให้การนอนหลับเป็นปกติ ช่วยให้อุณหภูมิ อารมณ์ มีความสมดุล รวมทั้งยังเชื่อว่า ยอทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดคงที่
คุณค่าของน้ำลูกยอ หากดื่มน้ำลูกยอคั้นสดเป็นประจำ จะช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของเซลล์และสร้างเซลล์ใหม่ขึ้นทดแทน รักษาโรคภูมิแพ้ ช่วยย่อยอาหาร ช่วยให้นอนหลับเป็นปกติ มีฤทธิ์ต้านทานโรคมะเร็งและระงับการเติบโตของเซลล์มะเร็งเนื้องอก ผลข้างเคียงจากการดื่มน้ำลูกยอคั้นสด พบน้อยมาก บางคนอาจเกิดอาการท้องอืด หรือระบายท้องในครั้งแรกซึ่งอาการเหล่านี้จะหายไปได้ โดยลดขนาดการรับประทานลง แต่ข้อควรระวังคือ น้ำลูกยอนั้นมีธาตุโพแทสเซียมสูงมากเช่นเดียวกับน้ำมะเขือเทศ ผู้ป่วยเป็นโรคไตวายเรื้อรัง จึงไม่ควรรับประทาน เพราะอาจเกิดอันตรายได้
บริโภคนํ้าลูกยอที่มีจำหน่ายในท้องตลาด ระวังอันตรายจากสารปนเปื้อน
ในจำนวนกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ ของผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ยังพบเมทิลแอลกอฮอล์ ซึ่งห้ามบริโภคปริมาณเกินข้อกำหนดขององค์การอาหารผลิตภัณฑ์ อีกบางส่วนยังพบการปนเปื้อนของเชื้อรา ซึ่งการปนเปื้อนทางเคมี และชีวภาพ จัดเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อผู้บริโภค ที่บริโภคเป็นระยะเวลายาวนานอย่างต่อเนื่อง อาจจะสะสมและเกิดเป็นสารอัลดีไฮน์ในร่างกายโดยเฉพาะที่ตับ ซึ่งเป็นอวัยวะที่สลายเมทานอลปนเปื้อนดังกล่าว เสี่ยงต่อการเป็นโรคอื่นๆ ตามมาในระยะยาว เช่น มะเร็งตับ เป็นต้น
วิธีทำลูกยอรับประทานเอง การทำน้ำลูกยอ (น้ำโนนิ)
นำลูกยอสุกห่ามๆ (สีเขียวออกเหลืองหรือขาวนวลเล็กน้อย) มาล้างน้ำให้สะอาด แคะเอาเม็ดออก ปั่นแล้วคั้นเอาน้ำผสมกับน้ำผลไม้เข้มข้นชนิดอื่น เช่นน้ำสับปะรดหรือน้ำมะเขือเทศ เพื่อลดกลิ่นของลูกยอและเพิ่มรสชาติดีขึ้น แต่ถ้าต้องการรสหวานเล็กน้อยให้นำน้ำผึ้งผสมน้ำอุ่นพอประมาณ แล้วนำไปผสมกับน้ำลูกยอที่คั้นได้ตามต้องการ
ปัจจุบันนิยมนำลูกยอมาปั่นเป็นน้ำลูกยอคั้นสด เพราะเป็นวิธีที่สะดวกและง่ายที่สุด อีกทั้งสารสำคัญในลูกยอยังมีความคงตัวอยู่เช่นเดียวกับวิธีอื่นๆ แต่ปัญหาจะอยู่ที่รสฝาดและกลิ่นฉุน รสชาติมันเฝื่อนๆ ขมนิดๆ อาจดื่มได้ลำบาก การนำน้ำลูกยอที่คั้นได้ผสมกับน้ำผลไม้ชนิดอื่นๆ เช่น น้ำองุ่น น้ำบลูเบอรี่ น้ำสับปะรด น้ำฝรั่ง โดยใช้น้ำลูกยอ 9 ส่วน น้ำผลไม้อื่นๆ 1 ส่วนจะช่วยให้กลิ่นและรสชาติของน้ำลูกยอดีขึ้น
ตำลูกยอ คนที่ชอบแบบรสจัดต้องนี้เลยจ้า คนอีสานนำลูกยอนำมาทำเป็นอาหารในช่วงหน้าร้อน เพื่อบำรุงธาตุ ทำให้แก้อ่อนเพลีย ขับลม ขับโลหิต นอกจากนี้ยังแก้อาเจียนได้ ลูกยอมีธาตแคลเซียม วิตามินเอ วิตามินซี และสารอาหารอื่นๆ คนอีสานนิยมรับประทานลูกยอด้วยการตำ ตำลูกยอมีบริโภคก็เฉพาะตอนมันแก่เต็มที่เท่านั้น ช่วงลูกอ่อนหรือสุกจะนำมาตำไม่ได้ ลูกยอสุกนิยมเอาไปทำน้ำลูกยอ
วิธีทำตำลูกยอ นำลูกยอมาล้างให้สะอาด โดยเลือกเอาลูกห่ามๆ จึงจะอร่อย ล้างน้ำแล้วนำมาสับให้ละเอียด อย่างเช่น สับมะละกอ แต่ไม่ต้องปอกเปลือก ส่วนของเมล็ดเกาะติดกันแข็งมาก ไม่นิยมเอาส่วนเมล็ดมาตำปน บางคนบอกถ้าไม่ใส่เมล็ดลูกยอลงไปด้วยไม่แซบไม่มัน แล้วตำพริกแห้งให้แหลก เอาลูกยอลงตำรวมกัน ใส่ปลาร้า น้ำตาล น้ำปลา มะขามเปียก ใส่ลงไปตำรวมกัน ปรุงรสตามใจชอบ
หากรับประทานลูกยอเข้าไปมากๆ ตั้งแต่ 3 ลูกขึ้นไป จะทำให้เกิดการอยากถ่ายเป็นยาระบายได้
ห้ามกินสำหรับคนที่เป็นโรคไต กินเพราะ น้ำลูกยอมีธาตุโปแตสเซียมสูงมากประมาณ 56 meq/L พอๆกับน้ำส้ม และน้ำมะเขือเทศ และมีรายงานว่าผู้ที่เป็นโรคไตวายเรื้อรัง ทานน้ำลูกยอแล้วมีโปแทสเซียมสูง มากจนเป็นอันตราย จึงไม่ควรทานในผู้ป่วยโรคไต
ประโยชน์ล้วนๆ เลยนะคะ สำหรับใครที่รักสุภาพก็ลองดูเลยนะคะ และใครที่กำลังมองหายารักษาโรคก็สามารถ ลองใช้ดูนะคะ ควรกินพอประมาณ แต่ถ้าพูดถึงการช่วยให้เลือดหมุนเวียนดี ไข่เจียวว่าจิงคะ เพราะไข่เจียวเองก็ชอบกินตำลูกยอ ประจำเดือนมาตรงทุกเดือนเลยจ้า
ที่มา… kaijeaw.com และ นานาสาระเพื่อสุขภาพที่ดี