รักษาภูมิแพ้ หอบหืด ด้วยมะกรูด+พริกไทยดำ สูตรด้วยธรรมชาติบำบัด
หลายคนยังไม่รู้ ว่า มีวิธีการรักษาภูมิแพ้ หอบหืด ด้วยมะกรูด+พริกไทยดำ สูตรด้วยธรรมชาติบำบัด
ธรรมชาติบำบัด หรือ Naturopathy ก็คือการดูแลสุขภาพแบบธรรมชาติ โดยไม่ใช้ยา สารเคมี หรือการผ่าตัดใดๆ แต่เป็นการรักษาตัวด้วยการสร้างภูมิคุ้มกันในตัวเราเองให้แข็งแรง โดยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ
เพราะธรรมชาติของมนุษย์เรา สามารถดูแล ป้องกันตัวเองจากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ได้ โดยการบำบัดรักษาตนเองในระดับหนึ่ง โดยสังเกตุจากเวลาที่เราเป็นหวัด แสดงว่าช่วงนั้นร่างกายอ่อนแอ และต้องการพักผ่อน การดูแลรักษาอาการหวัดด้วยธรรมชาติบำบัด ก็คือ การดื่มน้ำสะอาดมากๆ เพื่อให้ขับเชื้อโรคออกจากร่างกาย และนอนหลับพักผ่อนให้มาก เพื่อให้ร่างกายฟื้นฟู จนกลับมาแข็งแรงอีกครั้งหนึ่ง โดยไม่จำเป็นต้องใช้ยารักษาโรคประเภทใด
ภายในระยะเวลา 3 วัน ร่างกายก็จะสร้างภูมิคุ้มกันโรคขึ้นมา และสามารถขจัดเชื้อหวัดออกจากร่างกายไปจนได้ ซึ่งร่างกายของคนเรามีกลไกในการกำจัดสารพิษอยู่ในตัวเอง จะสังเกตุได้ว่า เวลาไอ จาม หรือมีผื่น ทางธรรมชาติบำบัดถือว่า การจาม ไอ เป็นการที่ร่างกายกำลังทำความสะอาดตัวเองด้วยวิธีธรรมชาติ ซึ่งการไอ หรือจาม ก็คือการขับสารพิษออกจากร่างกายนั่นเอง
สำหรับการดูแลสุขภาพร่างกาย ด้วยวิธีธรรมชาติบำบัดนั้น จะเน้นเรื่องการรับประทานอาหารเป็นหลัก เพราะทุกวันนี้ วิถีชีวิตคนเมือง เต็มไปด้วยความเร่งรีบ อาหารที่รับประทานก็เป็นอาหารจานด่วน
ซึ่งอาจจะปนเปื้อนสารเคมี อย่างเช่น เนื้อสัตว์ที่นำมาทำอาหารถูกเลี้ยงด้วยฮอร์โมนเร่งการเจริญเติบโต ซึ่งสารเหล่านั้นเมื่อสะสมในร่างกายมากๆ ก็จะกลายเป็นสารก่อมะเร็ง รวมไปถึงโรคร้ายนานาชนิดอีกด้วย
ในวันนี้เราจะมาเรียนรู้วิธีการใช้ธรรมชาติบำบัด สำหรับโรคภูมิแพ้ เพื่อให้ตัวอย่าง และวิธีการที่ทำแล้วได้ผลอย่างชัดเจน
โรคภูมิแพ้ จำแนกออกไปอีกหลายประเภทด้วยกัน ดังนี้
– โรคภูมิแพ้อากาศ หวัดเรื้อรัง
– โรคภูมิแพ้ของตา และหู
– ผื่นแพ้
– แพ้อาหาร
– แพ้แมลง
– แพ้เกสรดอกไม้
รักษาภูมิแพ้ ด้วยธรรมชาติบำบัด
การรักษาด้วยธรรมชาติบำบัด สามารถทำได้โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน ดังนี้
1. หลีกเลี่ยงสิ่งที่แพ้ ส่วนใหญ่แล้ว ผู้ที่เป็นโรคภูมิมักจะรู้ว่าตัวเองแพ้อะไร อย่างเช่น ขนแมว, เกสรดอกไม้, ฝุ่นละออง, นมวัว, อาหารทะลฯลฯ
2. ปรับอาหารที่รับประทาน ด้วยการเปลี่ยนไปกินอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ อย่างเช่น เห็ดหลินจือสกัด , วิตามินซี โดยเน้นการรับประทานอาหารที่มีรสชาติเปรี้ยว, ฝาด ก็คือผักสดๆ น้ำมะนาว รวมทั้งผัก ผลไม้ที่มีสีจัดจ้านต่างๆ อย่างเช่น สีแดงจากมะเขือเทศ , สีเหลืองจากสับปะรด, สีม่วงจากกระหล่ำปลีม่วง, สีส้มจากแครอท,สีเขียวจากบล็อคโคลี่ เหล่านี้เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระอีกตัวหนึ่งที่ได้จากวิตามินอี พบได้ในเมล็ดธัญพืช ข้าวกล้อง
3. ดื่มน้ำสะอาดไม่น้อยกว่า 2 ลิตร ในแต่ละวันร่างกายจะขับน้ำออกมาทางเหงื่อและปัสสาวะ เราจึงต้องหมั่นเติมน้ำสะอาดให้กับร่างกายอยู่ตลอด เพื่อให้ร่างกายได้นำน้ำไปช่วยลดระดับความเข้มข้นของเลือด ทำให้เลือดไหลเวียนดี และช่วยให้ไตทำงานหนักน้อยลง จึงเห็นได้ว่า เมื่อดื่มน้ำสะอาดมากๆ จะมีผิวพรรณที่สดใส เต็มไปด้วยเลือดฝาด
4. การออกกำลังกาย เรื่องการออกกำลังกาย เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยเสริมสร้างสุขภาพร่างกาย ให้สมบูรณ์ แข็งแรง อีกทั้งยังมีรูปร่างที่ได้สัดส่วน กระชับ ใน 1 สัปดาห์ ควรออกกำลังกายอย่างน้อย 3 วัน วันละประมาณ 15 – 30 นาที นอกจากจะได้ร่างกายที่แข็งแรง กล้ามเนื้อกระชับแน่นแล้ว ยังทำให้นอนหลับสบาย โดยไม่รู้สึกกระสับกระส่ายเมื่อตื่นนอนตอนเช้า จะพบว่าร่างกาย และสมอง แจ่มใส ผิวพรรณสดชื่น เปล่งปลั่งอีกด้วย
5. เพิ่มภูมิต้านทานโรค ด้วยการอบสมุนไพร ทำซาวน่า หรือรับแสงแดดอ่อนๆ อยู่เสมอ เป็นการกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันเนื่องจากความร้อนจากสิ่งเหล่านี้ จะทำให้ร่างกายเหมือนกับมีไข้รุมๆ เพราะต้องถูกความร้อนกระทบร่างกาย จึงทำให้ภูมิคุ้มกันโรคต่างๆในร่างกาย เกิดการทำงานขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นวิธีธรรมชาติบำบัดที่ได้ผลดี นอกจากจะกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันทำงานแล้ว ยังช่วยลดน้ำหนัก และทำให้ผิวพรรณสดใส เนื่องจากร่างกายได้ขับสารพิษออกมาทางเหงื่ออีกด้วย
จะเห็นได้ว่าการดูแล รักษาสุขภาพเป็นประจำ สม่ำเสมอ ด้วยการรับประทานอาหาร และใช้ชีวิตอย่างถูกวิธี จะทำให้เราไม่ป่วยเป็นโรคต่างๆ โดยง่าย ป้องกันตัวเองในวันนี้ ดีกว่าเสียค่ารักษาพยาบาลแพงๆ ในวันหน้านะคะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : www.e-magazine.info