ข่าวทั่วไปข่าวสารท่องเที่ยวความรู้ทั่วไปสุขภาพ

รู้หรือไม่ ! กินให้ได้บ่อยๆ ข้าวโพดวันละ 1 ฝัก รับรองว่าดีมีประโยชน์ต่อร่างกายมากๆ

กินให้ได้บ่อยๆ ข้าวโพดวันละ 1 ฝัก รับรองว่าดีมีประโยชน์ต่อร่างกายมากๆ

ข้าวโพด พูดไปถ้าใครบอกว่าไม่รู้จัก นี่โกหกชัดๆเลยนะ ใครก็รู้จักข้าวโพด เพราะในปัจจุบันมีคนนำมาแปรรูปเป็นอาหารที่หลากหลายขึ้น ไม่ว่าจะเป็น พายข้าวโพด ข้าวโพดคั่ว ข้าวโพดต้ม ข้าวโพดคลุกเนย น้ำข้าวโพด สารพัดที่จะทำได้ แต่คุณรู้หรือไม่ข้าวโพดมีดีกว่าที่คุณคิด ในวันนี้เราจึงอยากมานำเสนอข้าวโพดอาหารดีมีประโยชน์ ไม่กินไม่ได้แล้ว

สารอาหารในข้าวโพด

• คาร์โบไฮเดรต

1. ข้าวโพดเป็นพืชที่ให้พลังงาน ในเนื้อในของเมล็ดข้าวโพดที่แก่จัด

2. อุดมไปด้วยสารอาหารคาร์โบไฮเดรต ประมาณร้อยละ 72

3. จัดเป็นอาหารจำพวกแป้งที่ให้พลังงาน คือ 1 กรัม ให้พลังงาน 4 แคลอรี่

• ไขมัน

1. เมล็ดข้าวโพดที่แก่จัดมีไขมันอยู่ประมาณร้อยละ 4

2. หากนำข้าวโพดไปผลิตเป็นน้ำมันข้าวโพด แล้วใช้ในการประกอบอาหารจะได้น้ำมันที่ประกอบไปด้วยกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัวเป็นส่วนใหญ่

3. ซึ่งมีกรดไลโนเลอิก 50% และกรดโอเลอิก 37% ซึ่งถือเป็นกรดไขมันชนิดนี้

4. มีคุณประโยชน์ต่อร่างกาย คือ มีส่วนช่วยในการควบคุมระดับคอเลสเตอรอลให้เป็นปกติ

• โปรตีน

1. ข้าวโพดอุดมไปด้วยโปรตีน ซึ่งเป็นองค์ประกอบประมาณร้อยละ 4 โปรตีน ถือว่าเป็นโปรตีนที่ยังไม่สมบูรณ์

2. เนื่องจากกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกายคือ ไลซีนและทริบโตฟาน

3. คุณควรรับประทานข้าวโพดร่วมกับถั่วเมล็ดต่างๆ

• วิตามิน

1. ในทุกสายพันธุ์ของข้าวโพดจะอุดมไปด้วยวิตามินซี

2.แต่ถ้าคุณต้องการวิตามินเอจะมีเฉพาะในสายพันธุ์ที่มีเมล็ดสีเหลืองเท่านั้น

3. วิตามินเอจะอยู่ในรูปของเบต้าแคโรทีน ซึ่งถือเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ

4. มีส่วนช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์

5. สารเบต้าแคโรทีน มีส่วนช่วยป้องกันตาเสื่อมสภาพ

6. อีกทั้งยังมีวิตามินบี 1 และวิตามินบี 2

• เกลือแร่

1.ข้าวโพดมีส่วนประกอบเกลือแร่ที่สำคัญต่อการเจริญเติบโตของร่างกาย

2. อาทิเช่น แคลเซียม ฟอสฟอรัส และเหล็กแต่ก็มีในปริมาณน้อยมาก

• เส้นใยอาหาร

1. ข้าวโพดมีส่วนช่วยในการขับถ่าย

2. มีเส้นใยอาหารทั้งชนิดที่ละลายน้ำและไม่ละลายน้ำ

3. มีส่วนช่วยในการลดคอเลสเตอรอลได้ดี

ประโยชน์ของข้าวโพด

• มีส่วนช่วยบำรุงสายตา

1. เนื่องจากในตัวข้าวโพดอุดมไปด้วยสารเบต้าแคโรทีน (β-carotene) หรือที่เรารู้กันว่าเป็น โปรวิตามินเอ

2. ร่างกายคนเราจะนำไปใช้สร้างสารโรดอปซิน

3.มีส่วนช่วยลดอัตราเสื่อมของลูกตาและป้องกันการเป็นโรคต้อกระจกตา

• โฟเลต

1. มีส่วนช่วยสร้างสารต้านอนุมูลอิสระ

2. ช่วยชะลอในการเสื่อมสภาพของร่างกาย

3. มีส่วนช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง

• บำรุงหัวใจ

1.เนื่องจากข้าวโพดมีเส้นใยอาหารที่ละลายน้ำและไม่ละลายน้ำ ผูกกับใยที่ละลายกับน้ำดีจากคอเลสเตอรอลในตับของเรา

2. มีส่วนช่วยให้คอเลสเตอรอลในร่างกายสลายไปได้ดี

3. อุดมไปด้วยโฟเลต, วิตามินบีที่มีส่วนช่วยในการลดระดับของ homocysteine

4. มีกรดอะมิโนสำคัญในกระบวนการเมตาบอลิซึ่ม ระดับสูงของ homocysteine สามารถทำลายเส้นเลือดที่นำไปสู่หัวใจวาย โรคหลอดเลือดสมอง หรือโรคหลอดเลือด

5. มีส่วนช่วยให้เลือดไหลเวียนดี ลดความดันในร่างกาย

• ช่วยในการขับถ่าย

1. ในระบบของการย่อยอาหาร

2. มีส่วนช่วยป้องกันริดสีดวงทวาร จากโรคทางเดินอาหาร หรืออาหารท้องผูกจะทุเลาลง

3. มีส่วนช่วยระบบขับถ่ายให้ดียิ่งขึ้น

• บำรุงผิวพรรณ

1. อุดมไปด้วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระ

2. มีส่วนช่วยให้แข็งแรง ไม่ป่วยบ่อยๆ

3. มีส่วนช่วยเรื่องผิวพรรณของเราไม่ให้เหี่ยวย่น

4. ทำให้ดูเปล่งปลั่งดูสดชื่นมีชีวิตชีวาอยู่เสมอ

การรับประทานข้าวโพดอย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุด

• สารต้านอนุมูลอิสระในข้าวโพด คือ

1. กรดเฟอรูริก เป็นของดี นอกจากข้าวโพดแล้ว ยังมีในธัญพืชอื่นเช่น ข้าว ข้าวสาลี ข้าวโอ๊ต เมล็ดกาแฟ ถั่วลิสง แอปเปิล ส้ม อาติโช้คและสับปะรดด้วย

2. กรดชนิดนี้จะอาศัยอยู่ตามผนังเซลล์ของข้าวโพด

3. ในข้าวโพดดิบ กรดเฟอรูริกจะเป็นตัวต้านมะเร็ง จะไม่ค่อยออกมา แนะนำว่าควรนำไปทำให้สุกก่อน.โดยการต้มหรือย่าง

4. กรดเฟอรูริกจะออกมามากขึ้น เนื่องจากผนังเซลล์ถูกความร้อนสลายไป ซึ่งเป็นการช่วยปลดปล่อยกรดเฟอรูริกต้านมะเร็งออกมาได้เยอะมากขึ้น

5. การต้มนานๆ มีข้อดี คือ ได้ปลดปล่อยสารต้านมะเร็งออกมามาก ทำให้แป้งที่ไม่ย่อย กลายเป็นแป้งที่ย่อยได้ดีขึ้น

6. ข้อควรระวังไม่ควรต้มนานจนเกินไป เนื่องจากอาจทำให้ข้าวโพดเหลือแต่ไฟเบอร์ได้

• คุณควรรับประทานข้าวโพด

1. ต่อวันเกินครึ่งฝักหรือ 1 ฝักเท่านั้น

2. เนื่องจากข้าวโพดให้พลังงานถึง 150 กิโลแคลอรี่ ซึ่งอาจจะทำให้กินเกินน้ำหนักเพิ่มขึ้นได้

• ข้าวโพดที่กำลังงอก

1. ลักษณะเหมือนมีต้นอ่อนอยู่ในเมล็ดข้าวโพด

2. จะอุดมไปด้วยสารกาบ้าเหมือนข้าวกล้องงอก ซึ่งมีประโยชน์ต่อสมอง

• สีของข้าวโพดที่แตกต่างกันตามสายพันธุ์ก็มีส่วนสำคัญ

1. ไม่ว่าจะเป็นสีเหลือง สีเหลืองอ่อน สีม่วงดำ

2.เราขอแนะนำว่าให้เลือกรับประทานข้าวโพดสีค่อนข้างเข้ม

3. อาทิเช่น เหลืองเข้ม เนื่องจากจะมีสารต้านอนุมูลอิสระในกลุ่ม “ลูทีน” และ “ซีแซนทีน” เยอะ

4. ในส่วนของสีดำหรือสีม่วงเข้ม เนื่องจากจะมีสารโอพีซี เหมือนสารสกัดในเมล็ดอุง่น

ข้าวโพดเป็นอาหารที่เหมาะสำหรับใครบ้างตามมาดู

• เหมาะสำหรับวัยเด็ก เนื่องจากช่วยสร้างเซลล์ประสาทที่จอ ตา

• เหมาะสำหรับคนที่ใช้สายตาเยอะ นั่งหน้าคอมพิวเตอร์นานๆ หรือโดนแดด ควัน และฝุ่นเยอะ จอประสาทตาอาจจะเสื่อมง่าย

• เหมาะสำหรับคนเป็นมะเร็ง หรือเป็นโรคอัลไซเมอร์ ควรรับประทาน เนื่องจากจะมีสารต้านอนุมูลอิสระเยอะ

ข้าวโพดเป็นอาหารที่ไม่เหมาะสำหรับใครบ้างตามมาดู

• ผู้สูงอายุที่มีปัญหาท้องอืดบ่อย หรือว่าลำไส้ย่อยยาก

• คนที่เพิ่งผ่าตัดช่องท้องมาใหม่ๆ เนื่องจากจะทำให้ท้องอืดได้ง่า

หลังจากที่ได้อ่านกันแล้ว ก็ได้ทราบถึงข้าวโพดอาหารดีมีประโยชน์ ไม่กินไม่ได้แล้วกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เห็นไหมว่าข้าวโพดที่คุณอาจไม่ชอบทานหรือมองข้ามไป มันมีประโยชน์มากมายขนาดไหน แล้วจะรอช้าอยู่ใยไปหามาทานกันดีกว่า

ที่มา…http://www.share-si.com/2016/12/1.html

ใส่ความเห็น