ทำจริงได้จริง ! เกษตร ๑ ไร่ ได้ล้านกว่า..ไม่เว่อร์ ทำได้แน่…แม้ในอีสาน
เกษตร ๑ ไร่ ได้ล้านกว่า..ไม่เว่อร์ ทำได้แน่…แม้ในอีสาน
เกษตรไร่ละแสน ไร่ละล้าน สามล้าน สุดท้ายผมเองเสนอว่าไร่ละ ๑๗๒ ล้านก็ทำได้ (ด้วยการปลูกไผ่สีสุกยักษ์แล้วเอามาทำเฟอร์นิเจอร์ชั้นดี)
วันนี้จะมาเสนอเกษตรสุขสันต์ ทีมีพื้นที่เพียง ๑ ไร่ก็จะมีพอกินและยังมีเหลือเก็บเหลือใช้อีกด้วย ปีละล้านกว่า (เดือนละ แสน) แถมเหนื่อยน้อย
สมมติว่ามีพื้นที่ ๔๐ x ๔๐ เมตร (หนึ่งไร่) ดังรูป
กรอบพื้นที่คือด้านนอก คือ ABCD เราจะทำคันดินกว้าง ๑ ม. ด้านในคือ EFGH บนคันดินนี้รอบนอกเราจะปลูกไผ่โตเร็วให้ผลสูง เช่น สีสุกยักษ์ ตงลืมแล้ง กิมซุ่ง ก็ว่ากันไป ปลูกห่าง ๑ ม. ก็ได้ ๑๖๐ ต้น จากนั้นปลูกมันเลือดให้มันพันต้นไผ่ขึ้นไป จากนั้นริมสระริมนาเอาถุงเห็ดห้อยต้นไผ่เป็นสาย ต้นละ ๒๐ ถุง ไม่ต้องรดน้ำ เพราะรับไอน้ำระเหยจากผิวน้ำสระ นา จากนั้นเอากระถางกล้วยไม้ไปห้อย ต้นละ ๑๐ กระถาง
ที่สำคัญ คือ กลางนา (IJKL) เราขุดสระพื้นที่ประมาณ ๒๐๐ ตร.ม. ลึก ๑๐ ม. เก็บน้ำได้ประมาณ ๖๕๐ ลบ.ม. ขุดแบบเป็นปิรามิดหัวคว่ำ ดินจะได้ไม่ถล่ม สระนี้จะรับน้ำฝนที่ตกในพื้นที่หนึ่งไร่ ที่จะไหลรวมมาลงที่นี่ ซึ่งถ้าเป็นอีสานแล้งๆ ก็ตก ๑๖๐๐ ลบ.ม. ระเหย ซึมหาย ก็เหลือ ๖๕๐ ที่ไหลรวมมาเก็บไว้ในสระนี้ ซึ่งเป็นการชลประทานให้ตัวเองโดยไม่ต้องง้อกรมชล ซึ่งสระนี้จะมีทำนบ (คันนา) กันชั้นในอีกทีดังรูป โดยมีช่องน้ำไหล T U X Y ที่สามารถเปิดปิดได้เพื่อระบายน้ำเข้าออก
พื้นที่บ้านแล้วแต่จะเลือก ในที่นี้เลือกมุมล่างซ้าย ขนาดพื้นที่ประมาณ 144 ตร.ม. ใหญ่เหลือเฟือ อยู่กันแบบมีความสุข แน่นอนยกใต้ถุนสูง เพื่อความเย็นสบาย และมีพื้นที่ทำงานใต้ถุน เช่น งานช่างไม้
MIOL พื้นที่ปลูกไม้กินได้ยืนต้น เช่น แค มะรุม กระถิน สะเดา โดยเน้นพืชใบโปร่ง ออกฝัก ดอก ผล ใบ ให้เก็บกินได้ทั้งปี แถมเอาอะไรไปพันได้อีกด้วย เช่น ตำลึง สลิด ถั่วพลู บวบ ฟักทอง ฟักแฟง แตงกวา เพราะมีแดดรำไร เก็บกินกันหลากหลายได้ทั้งปีไม่มีเบื่อ ที่เหลือขาย
ด้านขวาบ้าน ZFNI ทำเป็นแปลงผักและสมุนไพร ปลูกผักกิน เช่น คะน้า กวางตุ้ง กาดขาว หล่ำปี พริก ข่าตะไคร้ ใบมะกรูด มะนาว ขมิ้น ก็ว่ากันไป พอกิน ที่เหลือก็ขายกันไป
พื้นที่ตัว L ด้านบนที่เหลือ ให้ทำนา แม้ว่าจะมีรายได้น้อยแต่ถ้ายังติดกินข้าวก็ยังถือว่าจำเป็น เนื้อที่จะมีงานกว่าๆ ก็ปลูกข้าวสองครั้งต่อปี ได้ข้าว ๓๐๐ กก. ก็เลี้ยงคนได้ ๔ คน สบายๆ (นาปรังทำได้ง่าย เพราะมีน้ำเราประทานอยู่ในสระกลางนา)
ที่สำคัญอีกประการ คือ สระกลางนานั้นปลุกผักบุ้ง และเลี้ยงกบ เขียด หอย กบจะระบาดไปทั่ว สวน ไร่ นา เพื่อกินแมลง กบกินแมลงใหญ่ เขียดกินแมลงเล็ก ลูกๆ พวกมันปากเล็กกินไร เพลี้ย ไม่เหลือ เราก็ไม่ต้องฉีดยาอะไร มูลมันก็กลายมาเป็นปุ๋ยชีวภาพให้เรา ก็ไม่ต้องใส่ปุ๋ยใดๆ ไม่ว่า เคมีหรือชีวภาพ หอยขม ก็กินซากอาหารเหลือจากใบผักบุ้งเน่า ส่วนผักบุ้งที่งามดีก็เอามากิน ที่เหลือตัดขาย
จะขอนำเสนอรายได้ดังนี้
หน่อไผ่ ๒๐๐ ต้น (ทั้งด้านในและนอกคันนา) ต้นหนึ่งให้ ๕ หน่อ หน่อละ ๒ กก.ๆ ละ ๓๐ บาท (เฉลี่ย) รายได้ = ๒๐๐ x ๕ X ๒X ๓๐ = ๖๐,๐๐๐ บาท
มันเลือดพันต้นไผ่ ๑๖๐ กอ (เฉพาะคันนาด้านนอก) กอละ ๕๐ กก. (มันเป็นมันมหัศจรรย์มาก) กก.ละ ๓๐ บาท (ราคาวันนี้) = ๑๖๐ คูณ ๕๐ คูณ ๓๐ = ๘๐๐,๐๐๐ บาท (ไผ่อาจจะทำให้รากแน่นดิน จนทำให้ปลูกมันเลือดไม่ได้ดี ก็อาจเปลี่ยนมาปลูก แค มะรุม แทนก็ได้ เพราะดูว่ามันเลือดจะให้รายได้สูงมาก อย่างเหลือเชื่อ)
เห็ดที่ห้อยไว้ ต้นละ ๑๐ ถุง ถุงละโล โลละ ๓๐ บาท ได้อีก ๒๐๐ คูณ ๑๐ คูณ ๓๐ = ๖๐,๐๐๐ บาท แถมไม่ต้องรดน้ำ เพราะได้ความชื้นจากน้ำในนาอยู่แล้ว (ดังที่ผมได้เขียนเสนอไว้ในบทความก่อนๆ)
กล้วยไม้ คงพอกับเห็ด ได้ อีก ๖ หมื่นบาท
ผักสมุนไพร ได้อีก ๒ หมื่น (อย่าลืมว่ามีน้ำรดจากสระตลอดปี)
ผักบุ้ง ได้อีก ๑ หมื่น (มันโตเร็วมาก ทำดีๆ แม้ที่เล็ก ได้หมื่นสบายๆ)
กบ เขียด หอย ได้อีก ๒ หมื่น (ถ้าไม่กลัวบาป)
ข้าวได้ ๕๐๐๐ บาท (น้อยที่สุด ทั้งที่ปลูกพื้นที่มากที่สุด ปีละสองครั้ง)
รวมทั้งหมด ได้ ๑,๐๓๕,๐๐๐ ต่อไร่ต่อปี แถมเป็นกำไรล้วนๆ ไม่มีค่าใช้จ่ายอะไรเลย เพราะเป็นชีวภาพสมดุล ไม่ต้องใส่ปุ๋ย (แม้ปุ๋ยชีวภาพ) ไม่มีสารเคมี ส่วนแรงงานก็ใช้น้อยมาก (ยกเว้นนับเงินมากเหนื่อยหน่อย)
ปล. ถ้าไม่มีมันเลือด จะได้ประมาณ ๒ แสนกว่า ก็โออยู่นะ มันเลือดมันเป็นมันมหัศจรรย์จริง ๆส่วนต้นไผ่ในที่นี้เป็นแม้เป็นเพียงตัวประกอบ แต่กลับให้ที่ัพักพิงกับเห็ดห้อยถุง ดอกกล้วยไม้ รวมทั้งหน่อไม้ ที่ทำเงินเป็นกอบกำ